สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ 8 อำเภอของ จ.ยะลา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา ยังคงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 และ เสียชีวิตพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ อ.เมืองยะลา ทางเจ้าหน้าที่พบตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงไม่ลดลง
ล่าสุด วันที่ 22 ต.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา นำทีม เจ้าหน้าที่เทศบาลนครยะลา,เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และผู้ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตลาดสดรถไฟ ตลาดสดพิมลชัย ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา อย่างต่อเนื่อง สองวันติดต่อกัน ทำการตรวจ ATK เชิงรุก เพื่อเร่งควบคุมโรคไวรัสโควิด-19 โดยวันที่ 21 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ได้มีพ่อค้า แม่ค้า ลูกจ้าง และผู้สุ่มเสี่ยงโควิด-19 ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในการเข้าตรวจเชื้อโควิด-19 เชิงรุกตลาดสดรถไฟ จำนวน 230 ราย ผลการตรวจ เป็นลบ ไม่พบผู้ติดเชื้อ 207 ราย ผลบวก ติดเชื้อ 23 ราย เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลยะลาเพื่อตรวจยืนยันต่อไป ซึ่งในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ก็จะลงพื้นที่ไปตรวจอีกครั้ง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ตลาดสดรถไฟและตลาดพิมลชัย เพื่อป้องกันการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในเขตเทศบาลนครยะลา
ขณะเดียวกัน นายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วย นายแพทย์วิเศษ สิรินธรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา ได้แถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19
ใน จ.ยะลา ยังพบผู้ติดเชื้อสูงต่อเนื่อง ติดต่อกัน ทางจังหวัดยะลา ได้มีการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรค เพื่อติดตามและกำหนดมาตราการในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ตัวเลข ณ วันที่ 21 ต.ค.64 ผู้ติดเชื้อ 663 ราย เสียชีวิต 6 ราย ติดเชื้อสะสม 36,839 ราย เสียชีวิตสะสม 245 ราย สาเหตุของการติดเชื้อสูงต่อเนื่อง เกิดจากมาตรการเชิงรุกในการตรวจหาเชื้อ ทุกอำเภอ ทุกตำบล พร้อมทั้งขอความร่วมประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อค้นหาผู้ป่วยติดเชื้อให้เร็วที่สุด ขณะนี้ทางจังหวัดยะลา ได้ตั้งจุดบริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ และสถานที่ทางอำเภอได้จัดเตรียมไว้ เพื่อให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมทั้งการระดมเจ้าหน้าที่ รพ.สต. เจ้าหน้าที่สาธาณะสุขเชิงรุกในชุมชน หมู่บ้าน ส่วนสาเหตุการเสียชีิวิต ส่วนใหญ่ พบว่า ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งขณะนี้ทางรัฐบาลได้จัดสรรวัคซีน ให้กับทางจังหวัดยะลา ไฟเซอร์ จำนวน 120,000 โดส เพื่อเร่งฉีดให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งการตั้ง ศบค.ส่วนหน้า ติดตามแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ (ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา) ซึ่งทางเจ้าหน้าที่บูรณาการอย่างเต็มที่ ส่วนการเดินทางข้ามจังหวัด พี่น้องประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนให้ ณ จุดนั้น โดยทางจังหวัดพยามยามทุกมิต ทุกด้าน ทั้งการรักษา การป้องกัน ยับยั้งการแพร่ระบาด และการเยียวยา
ซึ่งนายแพทย์วิเศษ สิรินธรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา ให้ข้อมูลว่า สถานการณ์การติดเชื้อในจังหวัดยะลา ตัวเลขยังคงสูงอยู่ อยู่ในลำดับที่ 2 ของประเทศ แนวโน้วขณะนี้ อยู่ระหว่าง 600 – 700 ราย ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าจำนวนผู้ป่วยต่อวันอยู่ในจุดสูงสุด ทั้งนี้เกิดการการค้นหาเชิงรุกในพื้นที่ที่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ในพื้นที่เขต อ.เมืองยะลา อ.ยะหา อ.บันนังสตา และ อ.รามัน สาเหตุเกิดจากการสัมผัสร่วมบ้าน และสัมผัสร่วมกิจกรรม ประมาณ 1 ใน 3 อยู่ที่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้เสียชีิวิต เป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว อยู่ที่ 84 เปอร์เซ็นต์ และมีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มเดียวอยู่ที่ 14 เปอร์เซ็นต์ โดยภาพรวมผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนที่ติดเชื้อ อาการจะไม่รุนแรง ไม่ถึงขั้นต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ด้านมาตราการในการดูแล เมื่อทำการตรวจเชิงรุกด้วย ATK ถ้าผลเป็นบวก จะเข้าสู่ระบบการรักษา พร้อมทั้งประเมินความรุนแรงระดับไหน เพื่อส่งเข้าศูนย์พักคอย CI หรือ การรักษาที่บ้าน โรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาล มีการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ให้ทันที เบื้องต้นถ้าผู้ป่วยน้ำหนักไม่เกิน 90
กิโลกรัม ใช้ยา 50 เม็ด เป็นเวลา 5 วัน ทำให้อัตราส่วนผู้ป่วยได้รับยาเพื่อรักษาสูงขึ้น จะเป็นการช่วยให้ผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง พร้อมทั้งมีการติดตามดูแลทุกวัน หากรักษาที่บ้าน จะมีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์สอบถามอาการ
ด้านข้อมูลการฉีดวัคซีนของประชาชนในพื้นที่ ขณะนี้ ฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 292,308 โดส คิดเป็น 53 เปอร์เซ็นต์ ฉีดเข็ม 2 จำนวน 185,092 โดส คิดเป็น 34 เปอร์เซ็นต์ ฉีดสะสมแล้ว 486,709 โดส คิดเป็น 64.70 เปอร์เซ็นต์ ขณะนี้มีวัคซีน ไฟเซอร์ ประมาณ จำนวน 120,000 โดส สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดยะลา หรือผู้ที่มาทำงานที่จังหวัดยะลา สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ ซึ่งคาดการว่า ถ้าประชาชนเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ ประมาณ 90,000 -100,000 คน ภาพรวมของประชาชนที่เข้าถึงวัคซีนทั้งจังหวัด จะอยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร 500,000 กว่าคน ก็จะสามารถเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีการผ่อนปรนในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ประชาชนต้องช่วยกัน สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างในการทำกิจกรรม ล้างมือบ่อยๆ ถึงแม้ว่าจะฉีดแล้วครบ 2 เข็ม หรือกระตุ้น 3 เข็ม ก็สามารถติดเชื้อได้.
Discussion about this post