วันที่ 25 ตุลาคม 2564 มีชาวบ้านนับร้อยคนได้เดินทางมายังบ้านเลขที่ 191 หมู่ 3 บ้านหนองไชยวาน ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม เพื่อร่วมในพิธีฌาปนกิจศพนายทองไสว อังคะมาตย์ หรือกึด อายุ 54 ปี ที่ใช้เชือกไนล่อนรัดคอลูกชายนายอนันตชัย อังคะมาตย์ หรือเท่ อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จนสิ้นลมหายใจคาเตียงนอน จากนั้นคว้ามีดพร้าลัดทุ่งนาไปเชือดคอตัวเองตายตามที่ศาลาริมน้ำ ห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร สาเหตุเพราะทนเห็นสภาพลูกชายเป็นคนพิการตลอดชีวิตไม่ได้ จึงฆ่าเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ทรมานที่ลูกเป็นคนพิการขยับร่างกายไม่ได้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
โดยญาติได้เคลื่อนศพสองพ่อลูกออกจากบ้านเมื่อเวลา 13.00 น. ซึ่งศพนายกึดยกใส่รถปิกอัพทะเบียน 3797 สกลนคร ส่วนศพนายเท่นำขึ้นรถปิกอัพทะเบียน 4322 สกลนคร เดินทางไปยังป่าช้าประจำชุมชน มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง/ส.ส.นครพนมเขต 1 พรรคภูมิใจไทย เป็นประธานในพิธี และโลงศพได้นำขึ้นกองฟอนที่ตั้งเคียงข้างกัน หลังเสร็จพิธีสงฆ์ทอดผ้าบังสุกุลเรียบร้อย สัปเหร่อก็นำน้ำมันเบนซินราดและจุดไฟเผา โดยไม่มีการเปิดโลงศพหรือราดหน้าด้วยน้ำมะพร้าว ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นผีตายโหงจะไม่ให้เปิดฝาโลงเหมือนศพที่ตายปกติทั่วไป
นอกจากนี้ระหว่างที่ศพสองพ่อลูกตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่บ้าน เป็นเวลา 2 คืนนั้น คืนที่ผ่านมามีก้านธูปที่หน้าโลงศพนายกึดลักษณะคล้ายเลข 640 ส่วนก้านธูปที่หน้าโลงศพนายเท่เหมือนเลข 051 โดยเป็นตัวเลขที่เกิดขึ้นพร้อมกัน จึงบอกกันต่อๆไปเพื่อซื้อลอตเตอรี่ไว้เสี่ยงโชค เชื่อว่าวิญญาณทั้งสองคงอยากให้ผู้มาร่วมงานศพมีโชคลาภกัน
สำหรับการที่นายกึดจำใจฆ่าลูกชายแท้ๆของตน ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า “การุณยฆาต” คือ ผู้ป่วยไม่ยินยอมให้กระทำ แต่ด้วยความรักที่มีต่อลูก จึงไม่อยากเห็นลูกอยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ขับถ่ายก็ไม่รู้สึกตัวเพราะเป็นอัมพาตทั้งร่าง จากอุบัติเหตุคอและกระดูกสันหักหลัง จึงไม่สามารถขยับร่างกายทุกส่วนได้ มีสิ่งเดียวที่ยังใช้การได้อยู่คือคำพูดเท่านั้น คาดว่านายกึดคิดแล้วคิดอีกก่อนจะลงมือการุณยฆาตลูกตัวเอง แล้วฆ่าตัวตายตามดังกล่าว.
Discussion about this post