เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 ที่สถานีดับเพลิงสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.สุคณ พรหมายน ผบช.ทท. พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ อรัญวัฒน์ พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย พล.ต.ต.อภิชาต สุริบุญญา รอง ผบช.ทท. พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.คธม.บช.ทท. ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม น.ส.ทิวาพร คำยันต์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายศาลอาญาพระโขนง ที่ 580 / 2564 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ในความผิดฐาน ร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู้ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น
ทั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ ที่ชื่อ Mogan Melissa ซึ่งเป็นชาวสหรัฐอเมริกา อ้างว่าสนิทกับผู้ใหญ่รายหนึ่งที่ผู้เสียหายเคารพนับถือซึ่งทำงานอยู่ ซึ่งมีการติดต่อกันทางไลน์ ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ได้มีหญิงสาวที่ใช้ชื่อว่า “Mogan Melissa” ได้แจ้งว่าอีกประมาณ 2-3 วัน ผู้ใหญ่ที่ผู้เสียหายเคารพนับถือจะส่งสิ่งของสำคัญมาให้ ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2563 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จาก น.ส.ไก่ ซึ่งอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัท Premium World Cargo ว่ามีกล่องพัสดุส่งมาให้ผู้เสียหายอยู่ที่สนามบินดอนเมือง โดยทางบริษัทจะนำกล่องพัสดุดังกล่าวมาส่งให้ผู้เสียหาย ที่บ้าน แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมและค่าน้ำหนักของ เป็นเงินจำนวน 45,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินจำนวนดังกล่าวไป บัญชีธนาคารทหารไทย เลขที่บัญชี 212-2-51254-0 ชื่อบัญชี นางสาวสุนทรี ส่งศรีแจ้ง จากนั้น น.ส.ไก่ แจ้งว่าทางบริษัทได้สแกนกล่องพัสดุดังกล่าว พบว่าภายในกล่องมีเงินสกุลดอลล่าสหรัฐอเมริกาจำนวนมาก คิดเป็นเงินไทยประมาณ 30 ล้านบาท ต้องจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าประกันสินค้าเพิ่ม
โดยถูกหลอกโอนเงินทั้งหมด จำนวน 9 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 1,595,000 บาท จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ผู้เสียหาย ยังไม่ได้รับพัสดุดังกล่าว จึงได้พยายามติดต่อ น.ส.ไก่ ทางโทรศัพท์แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และได้ติดต่อหญิงที่อ้างว่าชื่อ Mogan Melissa ทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ก็ไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน ผู้เสียหาย จึงทราบว่าถูกหลอกลวงและได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.คธม.บช.ทท. ได้จับตัวกุมได้ในเวลาต่อมาเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าถูกอดีตสามีชาวไทยหลอกใช้ให้ไปกดเงินจากตู้ ATM ให้ เบื้องต้นจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู้ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป
ส่วนเคสที่สอง เป็นการจับกุมขบวนการ SCAMMER อ้างพาไปทำงานต่างประเทศรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย น.ส.มัตติกา รักขพันธ์ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 506/2564 และ นายหัสดี สมหวัง อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 507/2564 ลง ในฐานความผิด ผู้ใดกระทำความผิดโดยการ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ฉ้อโกงประชาชน
พฤติการณ์แห่งคดีเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว กก.3 บก.ทท.1 ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายขอให้ช่วยตรวจสอบเที่ยวบินที่ตนเองจะเดินทางไปทำงานประเทศออสเตรเลีย พบว่าไม่มีการจองเที่ยวบินในชื่อผู้เสียหายแต่อย่างใด ทำให้ผู้เสียหายทราบว่าตนเองถูกหลอก โดยกลุ่มผู้ต้องหาจะแบ่งหน้าที่กันทำโดย น.ส.ณิศารัตน์ หัวหน้าแก้ง SCAMMER จะใช้ Facebook ที่เปลี่ยนชื่อและภาพโปรไฟล์ไปเรื่อย ๆ โพสข้อความเชิญชวนไปทำงานต่างประเทศ ในกลุ่มหางานต่างๆ เมื่อมีเหยื่อติดต่อมาจะลบโพสทิ้ง แล้วให้เหยื่อมาพูดคุยในแอพพลิเคชั่น LINE โดยมี น.ส.มัตติกา รักขพันธ์ ทำหน้าที่เป็นหน้าม้าร่วมพูดคุยหลอกลวงด้วยว่าจะไปทำงานต่างประเทศเช่นเดียวกัน จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ไปอ้างเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าเอกสาร ค่าวิ่งเต้น เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาได้เงินจากผู้เสียหายแล้วก็จะตัดการติดต่อทุกช่องทางกับผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่จะมีอายุเกิน 40 ปี ไม่สามารถขอไปทำงานต่างประเทศได้ตามช่องทางปกติ จึงหลงเชื่อกลุ่มผู้ต้องหาว่าสามารถวิ่งเต้นทำเอกสารให้ไปทำงานต่างประเทศโดยเสียค่าใช้จ่ายการเดินทางไปแล้วรวม 141,000 บาท ต่อคนโดยโอนเข้าบัญชี น.ส.มาติกา รักขพันธ์ และ นายหัสดี สมหวัง แต่เมื่อถึงวันเดินทาง ผู้เสียได้เดินทางมาที่สนามบินกลับพบว่าไม่มีการจองเที่ยวบินจึงทราบว่าถูกหลอกลวง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวกองกำกับการ 3 กองบังคับการท่องเที่ยว 1 ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เร่งทำการสืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เร่งสืบสวนติดตามจนสามารถจับกุม น.ส.มาติกา และ นายหัสดี ได้ ส่วน น.ส.ณิศารัตน์ฯ หัวหน้าขบวน SCAMMER ได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศและถูกจับกุมตัวเอาไว้ได้ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการขอนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป ภายหลังจับกุมขบวนการ SCAMMER นี้ได้แล้ว ได้มีผู้เสียหายรายอื่นได้ส่งตัวแทนกว่า 10 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจท่องเที่ยว และ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่าถูกคนร้ายกลุ่มนี้หลอกลวงเช่นเดียวกัน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท และได้ประสานข้อมูลทางคดีไปยังสถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุของผู้เสียหายแต่ละรายเพื่อดำเนินคดีต่อไป
Discussion about this post