
วันที่ 27 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้างโลตัส สาขาท่าทอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นายภานิต ภัทรสาริน รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และคณะผู้บริหาร ธ.ก.ส. ฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนล่าง ร่วมเปิด “ตลาดนัดของดี วิถีชุมชนลูกค้า ธ.ก.ส.” คัดเลือกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์และของดีจากชุมชน มาจำหน่ายที่ห้างโลตัสสาขาท่าทอง เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการSMEs เกษตร ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ซึ่งเป็นโครงการภายใต้การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ระหว่าง ธ.ก.ส. กับโลตัส ดำเนินธุรกิจร่วมกันเพื่อส่งเสริมโอกาสทางการตลาดและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้เกษตรกร และผู้ประกอบการ SMEs เกษตรและการเพิ่มช่องทางการบริการทางการเงินของ ธ.ก.ส. เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการทำธุรกรรมมากยิ่งขึ้น
โครงการ “ตลาดนัดของดี วิถีชุมชนลูกค้า ธ.ก.ส.” เป็นการนำสินค้าจากพื้นที่ 3 จังหวัด ภายใต้สังกัด ธ.ก.ส.ฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย จังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย นครสวรรค์ พิจิตรกำแพงเพชร อุตรดิตถ์ อุทัยธานี และตาก สลับหมุนเวียนกันมาจำหน่าย โดยกำหนดการเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 – เดือนกุมภาพันธ์ 2565 จำหน่ายสินค้าทุกวันเสาร์และอาทิตย์ สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ดังนี้ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2564 ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 25-26 ธันวาคม 2564ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 29-30 มกราคม 2565 ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 26-27 กุมภาพันธ์ 2565

นายภานิต ภัทรสาริน รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวว่า ธ.ก.ส. ยังมีโครงการต่างๆ ที่เป็นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาให้ก่อเกิดเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์จนนำไปสู่การพัฒนาเป็นอาชีพที่เพิ่มรายได้ ซึ่งการที่ได้ร่วมมือกับห้างสรรสินค้าโลตัส ในการให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการกับ ธ.ก.ส.ได้มาเปิดตลาดจำหน่ายสินค้าได้นั้น ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มช่องทางที่ดี อนาคตก็จะสามารถนำสินค้าส่งไปขายโลตัส สาขาต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย และจีน ได้ อีกด้วย
นอกจากนี้ ทางธ.ก.ส. ยังมีโครงการช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อเพิ่มรายได้มากขึ้น เช่น โครงการธุรกิจชุมชนสร้างไทย โครงการชุมชนอุดมสุข โครงการเกษตรกรรมยั่งยืน โครงการสนับสนุนมูลค่าเพิ่มจากไม้ตลอดห่วงโซ่การผลิต โครงการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนเพื่อสร้างความเข้มแข็ง และสนับสนุนการรวมกลุ่มเพื่อการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน รวมทั้งการดำเนินงานตามมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลในการยกระดับราคาสินค้าเกษตร ประกอบด้วยข้าวเปลือก มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งรัฐบาลได้มีมติ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ให้ ธ.ก.ส. และกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินโครงการยกระดับราคาสินค้าเกษตร ผ่านโครงการประกันรายได้พืชทั้ง 3 ชนิด และโครงการคู่ขนาน เช่น สนับสนุนค่าบริหารจัดการฯ สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก สินเชื่อเพื่อรวบรวมๆ เพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง เป็นต้น รวมทั้งสิ้น10 โครงการ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นมา ธ.ก.ส. ได้ดำเนินงานตามมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลโดยการจ่ายเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 256/65 จำนวน 620,328 ครัวเรือน เป็นเงิน12,652 ล้านบาท.
Discussion about this post