ชาวบ้านคำกั้ง ตำบลเหล่าใหญ่ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์สุดผวาหลังมีคนร้ายบุกงัดบ้านและกุฏิพระขโมยทรัพย์สินแทบรายวัน จนต้องติดกล้องวงจรปิดและอยู่อย่างวิตก เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมตัว คาดเป็นวัยรุ่นในพื้นที่
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ชาวบ้านและพระสงฆ์คำกั้ง ม.4 ต.เหล่าใหญ่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุงัดบ้านและกุฏิพระแทบทุกวัน จนต้องอยู่กันแบบหวาดผวา และต้องติดกล้องวงจรปิด เพื่อความปอดภัย โดยล่าสุดคนร้ายเป็นชายได้เข้าไปงัดอุโบสถในวัด แต่ไม่ได้ทรัพย์สิน ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายได้
โดยล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่วัดหอคำ บ้านคำกั้ง ม.4 ต.เหล่าใหญ่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้พบกับพระสำคัญ อภิวพโล เจ้าอาวาสวัดหอคำ ซึ่งเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ที่ผ่านมากุฏิของท่านได้โดนคนร้ายมางัดขโมยทรัพย์สินมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ทั้ง 3 ครั้งนั้น ไม่มีหลักฐานชัดเจน เพราะไม่มีกล้องวงจรปิด โดยมีทรัพย์สินสูญหายหลายรายการรวมแล้วกว่า 1.2 หมื่นบาท จากนั้นได้ให้ช่างมาติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในวัดและกุฏิ จนครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ. ศ. 2564 ที่ผ่านมา คนร้ายย่ามใจได้กลับมางัดกุฏิ เพื่อขโมยทรัพย์สินอีกครั้ง ได้ทรัพย์โทรศัพท์มือถือไป 1 เครื่อง ราคาประมาณ 4 พันบาท รวมทั้งนำกุญแจไปเปิดประตูอุโบสถ ขโมยเอาทรัพย์สินและเงินในตู้บริจาคที่อยู่ในอุโบสถจำนวนหนึ่งด้วย แต่ครั้งนี้กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้
พระสำคัญ กล่าวอีกว่า หลังคนร้ายก่อเหตุอีก และกล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ จึงได้แจ้งเรื่องไปยังผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 บ้านคำ พร้อมกับเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.กุนารายณ์ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถติดตามตัวคนร้ายได้ จึงอยากให้ตำรวจเร่งจับคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะย่ามใจกลับมางัดกุฏิ 4 ครั้ง และยังไปขโมยของสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ม.4 และม.10 ด้วย
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้รับทราบข้อมูลจากชาวบ้านคํากั้ง หมู่ที่ 10 ต.เหล่าใหญ่ ซึ่งอยู่ติดกันว่าคนร้ายดังกล่าวเป็นคนในพื้นที่ และมักก่อเหตุรายวันขึ้นบ้านของชาวบ้านเกือบทุกหลังในละแวกหมู่บ้านจนเกิดความหวาดวิตกไม่เป็นอันทำมาหากิน โดยคนร้ายรายนี้จะเอาทรัพย์สินทุกอย่างที่สามารถนำไปแปรสภาพเป็นเงินได้ บ้านแต่ละหลังก็มักจะถูกลักทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้ง ชาวบ้านได้มีการไปแจ้งความกับตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าหน้าที่มาจับคนร้ายไปได้ก็ไม่เกิน 1 อาทิตย์ แล้วก็ปล่อยตัวออกมา ครั้งล่าสุดมีการใส่กำไล EM แล้วก็ตัดทิ้งก็ใช้ชีวิตปกติ ออกตระเวนลักทรัพย์ตามบ้านเรือนของชาวบ้านจนชาวบ้านวิตกกังวลไม่กล้าที่จะออกไปทำมาหากิน เพราะว่าทรัพย์สินจะถูกขโมย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับคนร้าย
นางวันทยา สุขสวาง อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160 ชาวบ้านคำกั้ง หมู่ที่ 10ต.เหล่าใหญ่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ตนก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายขึ้นบ้านแล้วขโมยเอาสิ่งของไปจำนวนหลายหมื่นบาท ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก แบตเตอรี่รถเก๋ง เครื่องชาร์จโทรศัพท์ และทรัพย์สินอื่นๆที่คนร้ายสามารถหยิบฉวยติดตัวเอาไป โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2563 แล้วก็ได้มีการดำเนินการแจ้งความไว้ที่สภ.กุฉินารายณ์ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า เจ้าหน้าที่ยังมีการบอกให้ตนไปซื้อกล้องวงจรปิดมาติดไว้ที่บ้าน เพื่อเป็นการสอดส่องดูแล และเพื่อเก็บเป็นหลักฐานเวลาเกิดเหตุ แต่เนื่องด้วยฐานะทางบ้านของตนไม่มีเงินเพียงพอ จึงไม่สามารถติดกล้องวงจรปิดตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นางวันทยา กล่าวอีกว่า ขณะนี้จึงได้แค่เพียง เฝ้าระวัง และพยายามอยู่บ้านตลอดเวลา หากไม่มีเหตุจำเป็นก็ไม่ออกจากบ้าน ไม่ใช่แค่ตนที่ต้องทำเช่นนี้ ยังมีชาวบ้านคนอื่นๆภายในหมู่บ้านที่ต้องคอยเฝ้าระวังทรัพย์สินของตัวเองด้วย เพราะคนร้ายยังก่อเหตุแทบทุกวัน และก็ยังคงลอยนวล และใช้ชีวิตแบบปกติ โดยที่ไม่มีการถูกดำเนินคดีอย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินการ มาตรการขั้นเด็ดขาดกับคนร้ายรายดังกล่าวด้วย เพื่อที่จะไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอีก.
Discussion about this post