ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันกันรักษาป่าที่ รน.5(น้ำทุ่น) ร่วมกับ จนท.กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม จนท.หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้กระบุรี ทหาร ร้อย.ร.ชุดเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กแงกำลังเทพสตรี ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 4105 ออกลาดตระเวนตามพื้นที่แนวชายแดคนตามปกติเพื่อป้องกันการลักลอบการทำลายป่าไม้ การหลบหนีเข้าเมือง การค้ามนุษย์ การขนยาเสพติดหรือสินค้าผิดกฏหมายเข้าประเทศ ตามนโยบายชองของผู้บังคับบัยชาและนโยบายของรัฐบาล
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนมาถึงพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่งที่ติดกับชายแดนจังหวัดเกาะสองประเทศเมียนมา ในพื้นที่ ม.8 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง เจ้าหน้าที่พบไม้ผ่านแปรรูปจำนวนหนึ่ง ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นไม้ชื่อไม้ตราเสือ ซึ่งเป็นไม้หวงห้าม จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันออกไปเพื่อค้นหาในพื้นที่โดยรอบแต่ไม่พบไม้แปรรูปเพิ่มเติม แต่พบอีกพื้นที่มีการกั้นรั้วล็อกกุญแจอย่างแน่นหนา
เจ้าหน้าที่ทำได้แต่เพียงนำไม้แปรรูปจำนวนดังกล่าวที่เป็นของกลางเพื่อไปทำการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในพื้นที่ สภ.ปากจั่น พรบ.ป่าไม้ในข้อ ห้ามมิให้ผู้ใดแปรรูปไม้ ตั้งโรงงานแปรรูป ตั้งโรงงานค้าค้าไม้ หรือมีไม้แปรรูปเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองเว้นแต่จะได้รับอนุญาตตาม พรบ.ป่าไม้
ซึ่งในระหว่างหว่างนั้นได้มีผู้อ้างตัวว่าเป็นนักการเมืองในพื้นที่แห่งหนึ่ง และเป็นนักธุรกิจ โทรเข้ามาเจ้าหน้าชุดจับกุมรายหนึ่งเพื่อให้ยกเลิกการจับกุม โดยอ้างว่าได้โทรเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงในจังหวัดระนองสังกัดกองกำลังเทพสตรี แล้วโดยผ่านคนรู้จักกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนดังกล่าว พร้อมท้าทายแน่จริงเข้าไปตัดกุญแจรั้วที่เจ้าหน้าที่สงสัยว่าจะมีไม้และสิ่งผิดกฎหมายอีกจำนวนมากได้ หากไม่กลัวนายระดับสูงเล่นงาน แต่เจ้าหน้าที่ไม่สนยังคงแจ้งความแต่ไม่สามารถบุกรุกพื้นที่ได้แม้ว่า เจ้าหน้าที่ทหารจะสามารถใช้กฎอัยการศึกได้ในจังหวัดระนอง ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความกังขาให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานเป็นอย่างมาก ซึ่งทุกหน่วยกำลังรอดูว่าว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่จะได้ รับผลกระทบหรือไม่.
Discussion about this post