วันที่11มค.65 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรีรับแจ้งว่าพบตัวนายทองสา วันทุมมา อายุ43ปี อยู่บ้านเลขที่19หมู่22 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี นายทองสา ไปรับจ้างตัดยูคากับญาติที่บ้านเนินหินแร่ต.กระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา และหายตัวออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 22 ที่ผ่านมานายทองสาบอกกับญาติที่มารับจ้างตัดไม้ยูคาลิปตัสว่าจะกลับบ้านระยะทางห่างกัน 30 กม.หลายวันต่อมาหลังจากญาติที่ตัดยูคาเสร็จแล้วกลับมาบ้านและได้มาถามว่านายทองสาได้กลับมาบ้านหรือยัง แม่นายทองสาบอกว่ายังไม่เห็นกลับมาสร้างความงุนงงให้กับญาติญาติที่ไปตัดยูคาด้วยกันอย่างมากจากนั้นได้ติดตามหาตัวนายทองสาระหว่างทางซึ่งเป็นป่ายูคาลิปตัสและป่ายางของเอกชนซึ่งเป็นทางลัดที่ใช้สัญจรผ่านไปมาระหว่างหมู่บ้าน โดยกำนันผู้ใหญ่บ้านระดมกำลังกันค้นหาวันละ50คนแต่ก็ไม่พบตัว
วันต่อมาได้รับโทรศัพท์จากตำรวจสภ.วังคูว่าพบรถจักรยานยนต์สีแดงของนายทองสาจอดอยู่กลางป่ายางพารา ญาติยืนยันว่ารถจักรยานยนต์ยี่ฮ้อด้าเวฟสี แดง-ดำทะเบียน 1กจ.371สระแก้ว เป็นรถของนายทองสา ตำรวจจึงได้นำรถคันดังกล่าวไปเก็บไว้ที่สภ.จากนั้นญาติได้ตามหาตัวนายทองสาอย่างต่อเนื่องและทำทุกวิถีทางทั้งไสยยศาสตร์และหมอดูทำพิธีขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในป่าเพื่อขอให้พบตัวนายทองสาโดยเร็ว แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะพบตัวนายทองสาแต่อย่างใดการค้นหาตัวนายทองสาทุกคนเริ่มถอดใจเพราะปูพรมค้นหาอย่างละเอียดแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบตัว ญาติๆพูดตรงกันว่าการที่นายทองสาหายตัวอย่างลึกลับในครั้งนี้น่าจะเกิดจากนายทองสาขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุเกิดพบกับช้างป่าซึ่งบริเวณดังกล่าวจะมีฝูงช้างป่าอ่างฤาไนฝูงใหญ่มาหากินอยู่บริเวณดังกล่าวทุกวัน ขณะที่นายทองสาขับรถมาเจอช้างและวิ่งหนีช้างไม่พ้นอาจถูกช้างทำร้ายเสียชีวิตและนำศพไปซ่อนไว้ที่ใดที่หนึ่ง และไม่ตัดประเด็นจี้ชิงทรัพย์เพราะเป็นเส้นทางเปลี่ยว
วันนี้พบตัวนายทองสาที่บ้านกระบกหวาน ต.ท่ากระดาน ญาติจึงพากันไปดูตัวว่าใช่นายทองสาหรือไม่เมื่อไปถึงพบว่าเป็นนายทองสาจริงๆจากนั้นได้นำตัวไปที่สภ.วังคู โดยญาติได้พยุงตัวนายทองสาไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนนายทองสาอยู่ในสภาพที่อิดโรยญาติต้องพยุงตัวเดินเนื่องจากอ่อนแรงไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน
นายทองสากล่าวว่า ขณะที่ขับรถจะกลับบ้านระหว่างทางนั้นได้พบเห็นช้างตัวใหญ่ 2 ตัวอยู่ทางด้านหน้าจึงจูงรถเข้าแอบอยู่ในป่าและไม่กล้าออกจากป่าเพราะกลัวช้างจะทำร้าย และได้นอนอยู่ที่ตรงนั้น 1 คืน จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลยและได้ออกเดินเท้าทุกวันพยายามที่จะหาทางออกแต่ก็หาทางออกไม่พบ ไม่ได้กินอะไรเลยได้กินแต่น้ำที่อยู่ในหนองในคลองอยู่ในป่าเพื่อประทังชีวิตนอนก็หานอนอยู่ในป่า ยิ่งเดินหาทางออกดูเหมือนว่าป่านั้นกว้างใหญ่หาทางออกไม่พบจึงตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆ และได้ยินเสียงคนตะโกนหาเห็นคนมาเรียกร้องหาตะโกนคำว่า”ไปเลยๆ”ดังอยู่ตลอดเวลาตนเองจึงเดินไปตามเสียงที่บอกให้ไปเลยๆเดินไปเลย”วันนี้เดินออกมาแล้วรวบรวมกำลังเดินมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านตัดสินใจถามชาวบ้านว่าที่นี่เป็นที่ไหน ชาวบ้านบอกว่าเป็นบ้านท่าทองดำ-กระบกหวานจึงให้คนไปส่งที่บ้านญาติจากนั้นญาติได้นำตัวไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนญาติที่ตามไปดูตัวนำด้ายสายสิญจ์มาผูกข้อมือเรียกขวัญให้บางส่วน
พ.ต.ท.รัตนบดินทร์ รอยเวียงคำ รอง ผกก.วังคู ร่วมกับร.ต.อ.เจตนา ปิ่นอนงค์ รองสารวัตรเวรสอบสวนได้สอบปากคำนายทองสา นายทองสาเล่าว่าตนเองหนีช้างหลงอยู่ในป่าหลายวันไม่ได้กินอะไรกินแต่น้ำเท่าที่มีอยู่ในป่าเพื่อปะทังทางชีวิต นอนในป่าทนร้อนทนหนาวทุกวันทุกคืน รองผู้กำกับได้มอบเงินสด 500บาทเศษที่เป็นของนายทองสาที่ค้นพบอยู่ในกระเป๋าเสื้อคืนให้ต่อหน้าญาติและมอบรถคืนให้ ต่อมาญาติได้นำตัวนายทองสากลับมาที่บ้านโดยมีญาติและผู้เฒ่าผู้แก่เตรียมด้ายสายสิญจน์เพื่อผูกข้อมือเรียกรับขวัญนายทองสาให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวหลังจากที่ออกจากป่ามาได้ หลายคนพูดว่านี่เป็นการรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ซึ่งเกิดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บังตาไม่ให้นายทองสาออกมาจากป่า ทุกคนที่ออกไปตามหานายทองต่างพากันส่งเสียงเรียกให้กลับบ้านเถอะๆนายทองสารู้และเห็นว่ามีคนมาตามเรียกทุกคนเรียกไม่ได้ยินได้ยินแต่เสียงบอกว่าให้ไปเลยให้เดินไปเลยตนจึงได้เดินไปข้างหน้าอย่างเดียวจนกระทั่งนายทองสาหลุดพ้นดวงตกจึงรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ในป่ามาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านได้เป็นผลสำเร็จ จากนี้ญาติจะได้ไปแก้บนที่หลายคนได้บนไว้หลายๆที่และให้นายทองสาพักผ่อนเนื่องจากอยู่ในสภาพขาอ่อนแรง
Discussion about this post