วันที่ 17 มกราคม2565 นายสุรวิทย์ วงละคร เจ้าของเขียงหมูขนาดใหญ่และผู้ดูแลกบ่มผู้เลี้ยงสุกีในจังหวัดอำนาจเจริญ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126 หมู่ที่ 8 ตำบลบุ่ง อำเภอเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าตนอยากให้ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมืองโดยเฉพาะปศุสัตว์จังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบ หมูตลาดสดต่างๆด้วยว่า มีหมูที่เป็น โรคอหิวาต์หมู asf จำนวนกี่รายที่แท้จริง เพราะโรคนี้ มันเกิดมาเป็นปีๆแล้วเพิ่งมาแจ้งให้ประชาชนทราบจะแก้ก็คง สายไปเสียแล้ว ต้นขอวอนให้ทางภาครัฐทางการอย่าปกปิดข่าวสานต่างๆในก่รเกิดโรคระบาดขึ้นอีกเลย เพราะมันจะสร้างผลเสียมากกว่าผลดี ส่วนอาการของสุกรของตนที่ติดเชื้อ ASF คึรั้งแรกจะมีอาการ ป่วยชึม ตาแดง ตัวแดง ไม่กินยอมอาหาร ที่หนักๆคือตัวเป็นสีม่วง ซึ่งโรคนี้ จะมีระยะอันสั้นคือประมาณ 2-3 วันก็เสียชีวิต ตนอยากให้ ทางจังหวัดทางผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆลงพื้นที่ช่วยเหลือตนด้วย เพราะการจำหน่ายสุกรของตนก็จำหน่ายไม่ได้ จากการที่ตนเคยชำแหละ 5-6 ตัว วันนี้ชำแหละหมูแค่ตัวเดียวก็ขายไม่หมดจำเป็นต้องแช่แข็งไว้และล่าสุดก็ขายไม่ได้เนื่องจากราคาหมูแพงแบะหมูติดโรครั้นเอง ราคาหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 240-250บาทเนื้อสามชั้นกิโลกรัมละ 320 และกระดูกซี่โครงกิโลกรัมละ 180 – 190 บาทแล้ว และฟาร์มสุกรต่างๆที่ตนให้ชาวเกษตรกรเลี้ยง คอยดูแลป้อนเขียงหมู่ตนนั้น ประสบการณ์ขาดทุนเนื่องจากหมูตาย เป็นจำนวนมาก บางรายตายยกคอกทั้งหมด ชาวบ้านเกษตรกรจึงต้องชะลอการเลี้ยงไว้ก่อน สวนอาหาร เป็นหัวอาหาร ที่ใช้เลี้ยงสุกร มีราคาสูงขึ้นเกือบเท่าตัว ต้นยากให้ภาครัฐลดราคาตรงนี้ลงมาด้วย เพื่อความอยู่รอดของเจ้าของฟาร์ม และแม่ค้าแม่ขายตามท้องตลาด ไม่ขายในราคาแพงจนเกิดไปด้วย กับหัวอาหารที่ขึ้นสูงอยู่ในจณะนี้ ประชาชนก็จะอยู่ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ เจ้าของเขียงหมูหรือผู้จำหน่ายหมู จำหน่ายตามอำเภอต่างๆ ขึ้นเอาตามอำเพอใจ ซึ่งก็จะส่งผล กระทบสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภคโดยทั่วไปเขียนหมูก็อยู่ไม่ได้เพราะราคาหมูแพงกำลังชิ้อจากประชาชนก็ไม่มีหมูก็ขายไม่ได้ขาดทุนทั้งผู้ขายและผู้ชื่อครับ/
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจเขียงหมูโดยภาพรวมในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ เนื้อหมูแดงมีกิโลกรัมสูงถึง 240 บาท-250บาท หมูสามชั้นกิโลกรัมละ 230 บาท ส่วน กระดูกหมูหรือซี่โครงหมูมีกิโลกรัมละ 180 ถึง 190 บาทซึ่งก็เอาตาม เขียงหมูต่างๆ ขายไม่ค่อยดี มีประชาชนมัมักำลังซื้อเป็นจำนวนน้อย ส่วนใหญ่ประชาชนจะหันไป บริโภคปลา และสัตว์ปีกเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนอาหารทะเล มีราคาขยับขึ้นก็ตามแต่คน ก็บริโภคกันเป็นจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนตามชนบทต่างๆ จะมีประชาชนรวมกลุ่มกัน ประมาณ 5-6 คนต่อกลุ่มขึ้นไป แล้วนำเงินไปซื้อหมู ที่มีชีวิตอยู่ มาชำแหละเองแบ่งกัน เป็นกองๆ โดยคนเหล่านั้น อ้างว่า ได้ราคาถูกกว่า หมูที่ไปซื้อตามท้องตลาด การลงมือชำแหละ หมูเป็นๆรับประทานนเอง จะได้หมู ที่ราคาถูก และ คุ้มค่ากับเงินที่ซื้อกว่า ไปซื้อที่ตลาด โดยสมมุติว่า หมูตัวหนึ่งราคา 2,500 บาท ก็จะใช้คนจำนวน 5 คน แบ่งกันเป็นกองกองได้ 5 กอง กองละราคา 500 บาท จะได้เนิ้อหมูมากกว่า ไปซื้อตามตลาดสด ซึ่งจะเห็นได้ว่า การรวมกลุ่มกันชำแหละหมู แบ่งเป็นกองๆ ในการนำไปบริโภค จะมีผู้นิยมทำกัน เป็นจำนวนมาก บางรายถึงกับลงทุนชำแหละเอง แล้วแบ่งเป็นถุงๆ ไปจำหน่ายถุงละ 300 บ้าง 500 บาทบ้าง ผู้ซื้อจะได้จำนวนเนื้อหมูที่มีน้ำ หนักได้มากกว่าที่ซื้อตามท้องตลาด แถมยังสดอีกด้วย ซึ่งก็ทำเอา เขียงหมูตามตลาด สดต่างๆขายไม่ได้นั้นเองและชบเชาไปตามๆกัน
ภาพ/ข่าว-ทิพกร หวานอ่อน ผู้ชื่อข่าวประจำจังหวัดอำนาจเจริญ รายงาน
Discussion about this post