ผู้สื่อข่าว จ.ชลบุรี รายงานว่า จากกรณีที่องค์การสุขภาพสัตว์โลก หรือ OIE ได้มีจดหมายแจ้งเตือนประเทศสมาชิกให้ยกระดับการเฝ้าระวังโรคระบาดในสัตว์ช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับบ้านเพื่อเฉลิมฉลองเป็นจำนวนมาก อีกทั้งหลายประเทศยังต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอย่างหนักนั้น
วันนี้ ( 21 ม.ค.) ) ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ ผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยรายใหญ่ 1 ใน 5 ของไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นความมั่นใจว่า ประเทศไทยจะไม่พบการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกอย่างแน่นอน แม้ในบางประเทศจะเริ่มพบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้แล้วก็ตาม
ทั้งนี้เพราะหลังจากที่ไทยเคยเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของใหญ่ของเชื้อไข้หวัดนกเมื่อสิบกว่าปีก่อนจนทำให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ทำให้ทั้งผู้ประกอบการ เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ รวมทั้งกระทรวงเกษตรฯ และกรมปศุสัตว์ ได้ให้ความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นอีกครั้งด้วยการดำเนินมาตรการการดูทั้งเรื่องการตรวจสอบหาเชื้อไวรัสทุกชนิด การพัฒนาด้านสุขอนามัยและระบบการเลี้ยงแบบไบโอซิเคียวริตี้ รวมถึงระบบการผลิตแบบฟู้ดเซฟตี้เป็นอย่างดี
ขณะที่ปัจจุบันฟาร์มเลี้ยงของไทยยังเป็นคอมพาร์ทเม้นต์ ที่มีการจัดการความปลอดภัยทางชีวภาพตามหลักการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤติที่ต้องควบคุมสำหรับโรคไข้หวัดนกโดยเฉพาะไก่ที่จะเข้าสู่โรงเชือด ที่จะต้องมีการสวอปหาเชื้อก่อนเข้าโรงานและเมื่อเข้าโรงงานแล้วก็จะมีการสวอปหาเชื้ออีกครั้งก็ผลิตเนื้อไก่ออกสู่ผู้บริโภค
และอีกปัจจัยสำคัญคือประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนจึงเป็นข้อได้เปรียบ เพราะเชื้อหวัดนกจะแพร่ระบาดได้ดีในสภาพอากาศที่หนาวเย็น
“ ประชาชนมั่นใจได้ว่าในช่วงตรุษจีนนี้จะเนื้อไก่สำหรับบริโภคและประกอบพิธีไหว้บรรพบุรุษได้อย่างเพียงพอ เพราะการผลิตเพื่อการส่งออกและบริโภคในประเทศปัจจุบันมีมากถึง 36 ล้านตัวต่อดังนั้นปัญหาเรื่องการระบาดของไข้หวัดนกจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล แต่สิ่งที่ต้องระวังคือต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการที่ขณะนี้ราคาวัตถดิบในการผลิตอาหารสัตว์พุ่งขึ้นสูงถึง 50 %แล้ว”
และจากกรณีที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีมติยกระดับการควบคุมราคาสินค้าเพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะราคาเนื้อไก่ เพื่อป้องกันผู้ประกอบการฉวยโอกาสขึ้นราคา ช่วงราคาเนื้อหมูแพงและขาดตลาดนั้น
วันนี้ ( 21 ม.ค.) ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ ผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยรายใหญ่ 1 ใน 5 ของไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกับมาตรการดังกล่าวว่า เป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ตรงจุดและไม่พิจารณาถึงข้อเท็จจริงเรื่องราคาอาหารสัตว์และวัตถุดิบต่างๆ ทั้งข้าวโพด กากถั่ง รวมน้ำมันในการผลิตอาหารสัตว์ที่ขยับราคาสูงขึ้นถึง 50 %แล้ว
เช่นเดียวกับเสียงสะท้อนที่สมาคมฯ เสนอให้รัฐลดภาษีวัตถุดิบอาหารสัตว์นำเข้าเพื่อลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะข้าวโพดซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่กลับไม่ได้รับการใส่ใจ
“ขณะนี้มีเกษตรกรและผู้ประกอบการโทรศัพท์มาสอบถามในเรื่องนี้กันมาก ซึ่งจริงๆ แล้วหากกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ เข้ามาดูข้อเท็จจริงเรื่องต้นทุนการผลิตจะทำให้รู้ว่าวันนี้ประเทศไทยสินค้าแพงทุกชนิด ไม่ใช่ว่าผู้ประกอบการจะฉวยโอกาสขึ้นราคากันเองแต่เป็นเพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นโดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่เจอเรื่องโควิด-19 ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของบางบริษัทขาดทุนถึงหลักพันล้านแล้ว”
“ การแก้ไขปัญหาราคา เนื้อหมู ไก่แพง รัฐต้องหาสาเหตุให้เจอ อย่างเช่นไก่เราเจอปัญหาแล้วว่าราคาสูงเพราะต้นทุนการผลิต และช่วงที่ผ่านมายังเจอปัญหาเรื่องกำลังซื้อในประเทศมีน้อยแต่ก็ยังโชคดีที่ยังสามารถส่งออกได้ แต่ก็เจออุปสรรคเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ไม่มี สายการเดินเรือก็ดีเลย์จนทำให้สินค้าส่งออกได้ไม่ตรงเวลา และผู้ประกอบการยังต้องแบกภาระเรื่องการฝากเนื้อสัตว์ไว้ที่ห้องเย็น”
ไม่นับรวมถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวที่หนีกลับบ้านช่วงการระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 ที่ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ก็เข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อจนภาคการผลิตเดินไม่ได้ และยังต้องเจอกับมาตรการของรัฐที่กำหนดให้ผู้ผลิตขายสินค้าแบบขาดทุน.
Discussion about this post