เมื่อวันที่ 2 ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเกิดเหตุน้ำมันดิบของบริษัทสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลจากท่อใต้ทะเลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ลงทะเลจำนวน 160,000 ลิตร เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา พัดเข้าชายหาดแม่รำพึง สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ซึ่งทางจังหวัดระยอง ได้ร่วมกับทัพเรือภาคที่ 1 และหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง ได้เร่งกำจัดคราบน้ำมันจนสถานการณ์คลี่คลายในทะเลไม่พบคราบน้ำมันแล้ว และบริเวณหาดแม่รำพึง เจ้าหน้าที่ก็ได้เคลียร์จนไม่มีคราบน้ำมันแล้วเช่นกัน
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ทางจังหวัดระยอง ทัพเรือภาคที่ 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการตั้งคณะกรรมการจาก 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ภาครัฐ ภาคผู้ประกอบการท่องเที่ยว ประชาชน ร้านอาหารริมชายหาด และภาคประชาสังคมด้านสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบบริเวณชายหาดแม่รำพึงและในทะเล เพื่อประเมินสถานการณ์พื้นที่จริงช่วงน้ำทะเลลง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่พบคราบน้ำมันบริเวณชายหาดและในทะเลแล้วจริงๆ ก็จะมีการประกาศปิดศูนย์บัญชาการสถานการณ์ฉุกเฉินส่วนหน้า และของศูนย์ปฏิบัติงานของส่วนราชการทุกหน่วยที่มาเปิดการปฏิบัติการกู้คราบน้ำมันดังกล่าว
อย่างไรก็ตามการเฝ้าระวังปัญหาคราบน้ำมันบริเวณหาดแม่รำพึง และในทะเล และพื้นที่อื่นๆ จะยังคงมีชุดเจ้าหน้าที่สแตนบายตลอด 24 ชม.เพื่อติดตามเฝ้าสังเกตุการณ์คราบน้ำมันที่อาจจะหลงเหลือและเล็ดลอดพัดเข้าฝั่งได้.
ต่อมานายอนันต์ นาคนิยม รองผวจ.ระยอง พร้อมด้วนายแพทย์สุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง ได้เดินทางไปยังศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ผู้ได้รับผลกระทบน้ำมันรั่วไหลกลางทะเล ที่หมู่บ้านสบายสบาย รีสอร์ท ริมหาดแม่รำพึง อ.เมือง จ.ระยอง
นายสุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง กล่าวว่า หลังจากได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกสุ่มตัวอย่างตรวจสอบอาหารทะเลตามตลาดสดต่างๆ ของ จ.ระยอง ผลการตรวจยังไม่พบว่า มีสารปนเปื้อนจากคราบน้ำมันในอาหารทะเลที่วางจำหน่ายอยู่แต่อย่างใด ซึ่งจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามอยากจะฝากเตือนไปยังผู้บริโภคว่า หากพบสัตว์น้ำที่ตาย และผู้ที่จับสัตว์น้ำที่มีคราบน้ำมันติดให้แจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อนำไปตรวจสอบหาสารปนเปื้อนทันที อย่าเพิ่งนำไปบริโภค
ด้าน นายอนันต์ รอง ผวจ.ระยอง กล่าวว่า หลังจากที่เปิดศูนย์ฯ มาเป็นวันที่ 4 ยังคงมีผู้ได้รับผลกระทบทยอยเดินทางเข้ามาแจ้งตลอด โดยมียอดรวมขณะนี้ประมาณ 700 รายแล้ว คาดว่ายอดคงจะเพิ่มขึ้นอีกมาก พร้อมฝากแจ้งว่าศูนย์ฯแห่งนี้ยังคงเปิดต่อไป ยังไม่มีการปิดรับแจ้งจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง.
Discussion about this post