วันนี้ 1 มีนาคม 2565 ที่จังหวัดนคร พนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วน ราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการพัฒนาพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครง การจิตอาสาต้านภัยแล้ง ปี 2565 จังหวัดนครพนม และหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนแผนงานโครงการสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยมีพันเอก สันทัศน์ ชำนาญเวช ผู้บัง คับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 22 สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชา การทหารพัฒนา เจ้าหน้าที่และประ ชาชนที่เข้าร่วมโครงการร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุป
โดยการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านทางหลวง ตำบลบ้านแก้ง อำเภอนาแก ซึ่งเป็นหมู่บ้านต้น แบบที่ดำเนินการตามแนวทางพระราชดำริ มาตั้งแต่ปี 2546 โดยกอง ทัพไทยได้มอบหมายให้หน่วยพัฒนา การเคลื่อนที่ 22 สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เป็นผู้ดูแลในการจัดสรรพื้นที่ทำประ โยชน์ จำนวน 107 ไร่ ให้กับประชา ชนที่ยากจน ด้อยโอกาส ไร้บ้าน จำนวน 30 ครัวเรือนให้ได้สร้างบ้านพักอาศัยและส่งเสริมการประกอบอาชีพทำการเกษตรครบวงจร อาทิ ปลูกผักการเกษตร เลี้ยงปลา เลี้ยงกบ ทำการเกษตรทุกรูปแบบ เน้นลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ จนทำให้ปัจจุบันชุมชนแห่งนี้กลายเป็นหมู่บ้านพอเพียงต้นแบบที่พึ่งพาตนเองได้ แม้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดก็ยังคงสร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับครอบครัวและไม่ได้รับผลกระทบ และโครงการฟาร์มตัวอย่างฯ บ้านทางหลวง ตำบลบ้านแก้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ดำเนินโครงการตามพระราชดำ ริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมุ่งหวังให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างงาน และขาดรายได้จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดให้มีรายได้และสามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้วยการน้อม นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรรัชกาลที่ 9 มาสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ด้วยการสร้างแหล่งอาหารที่มีความปลอดภัย มั่นคงถาวรและยั่งยืน ให้กับตนเองและครอบครัว ทั้งยังเป็นฟาร์มตัว อย่างในการพัฒนาผลิตผลทางการเกษตร เป็นสถานที่ศึกษาดูงานและสถานที่ให้ความรู้ด้านการเกษตร ด้านประมง ปศุสัตว์ที่ถูกต้องแก่ประชาชนในพื้นที่ให้ได้มาเรียนรู้เพื่อนำไปปรับ ปรุงพัฒนาแปลงเกษตรของตนเองทำให้ทุกคนมีแหล่งอาหารที่มั่งคง.
Discussion about this post