หลังจากครอบครัวและกู้ภัยได้ทราบข่าวการพลัดหลงกันในป่า ของพี่น้องคู่หนึ่งขณะหาของป่าบนเขาพระบาท ต.หนองเท่า อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย ช่วงที่พลัดหลงกันบริเวณ โซกไอ้ดุ โดยญาติๆเล่าว่าเมื่อเช้าวันที่ 6 มี.ค.65 พี่น้อง 2 คน คือนายเอกรัตน์ บุญช่วย อายุ 35 ปี และนายมงคลรัตน์ บุญช่วย 34 ปี ได้ชักชวนกันขึ้นเขาไปหาผักหวานป่าและสมุน ไพร สบู่เลือด ที่ชาวบ้านนิยมนำมาใช้เป็นย่าแก่ปวดเมื่อยขา แต่ว่าหลังจากขึ้นไปบนเขาได้ไม่นาน นายเอกรัตน์ เกิดอาการเป็นตะคริวที่ขา จึงขอพัก ส่วนนายมงคลรัตน์ ขอเดินเข้าไปหาสมุนไพรต่อด้านในและให้นายเอกรัตน์ นั่งรอ แต่เมื่อกลับมายังจุดที่ให้นายเอกรัตน์ นั่งรอ กลับไม่พบ นายมงคลรัตน์ จึงได้ออกตามหาและโทรศัพท์ บอกที่บ้านว่าพี่ชายหายตัวไปในป่าให้ช่วยกันพาคนขึ้นมาตามหา
จากนั้นทางบ้านและญาติๆก็ได้ออกตามหา แต่เวลามือค่ำเสียก่อนจึงต้องหยุดการค้นหา โดยแบ่งคนนอนพักแรมบนเขา และติดต่อทีมกู้ภัยสุโข ทัย ให้ช่วยติดตามค้นหาในวันรุ่งขึ้น(7 มี.ค.) ขณะเดียวกัน ทางนายไสว แซ่คำ ผู้ใหญ่บ้าน ม.10 สะเดางาม เมื่อทราบข่าวก็ได้เกนชาวบ้านจำนวน 30 คน พร้อมทีมกู้ภัย 2 ชุด ออกตามหานายเอกรัตน์ ในเช้าวันที่ 7 มี.ค.ทันที โดยในวันที่ 2 ของการหายตัวไป ชาวบ้านและทีมกู้ภัยได้ช่วยกันหาบริเวณป่าเขาพระบาท เป็นระยะทาง ห่างจากจุดที่หายตัวไป 2 กิโลเมตร แต่พยายามหาเท่าไรก็ไม่พบ จนเย็นจึงต้องหยุดภารกิจค้นหา และได้จัดกำลังคน นอนค้างคืนบริ เวณจุดที่นายเอกรัตน์ หายตัว อีกกลุ่มหนึ่งกลับไปพักและเตรียมเสบียงเพื่อออกค้นหาในวันรุ่งขึ้น จนวันที่ 8 มี.ค. นายนายเอกรัตน์ได้โทรศัพท์ ติดต่อกู้ภัยว่าตนเองหลงป่า อยู่บนเขา แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าตนเองอยู่จุดไหน ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยแนะนำให้จุดไฟให้เกิดควันจะได้ทราบว่าอยู่จุดไหนนายเอกรัตน์ ก็ตอบมาว่าจุดอยู่ ทางทีมกู้ภัยจึงได้นำ ร่มบิน จากทีมร่มบินกู้ภัยบ้างแก้ว ขึ้นบินสำรวจ แต่กลับไม่พบควันไฟที่นายเอกรัตน์ จุด ทั้งญาติ ชาวบ้านและกู้ภัย ช่วยกันค้นหาจนถึงเวลา 18.00 น. ก็ต้องถอนกำลังกลับเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยต่อทีมค้นหา
จนกระทั่งเช้าของวันที่ 9 มี.ค.วันที่ 4 ของการหายตัวหลงอยู่ในป่า เวลา 07.30 น. ทีมกู้ภัยสุโขทัย ก็ได้รับโทรศัพท์จากนายเอกรัตน์ ด้วยเวลาสั้นๆและได้ใจความว่า นายเอกรัตน์ เห็นพระอาทิตย์ขึ้นอย่างชัดเจน ทำ ให้พอจะทราบว่า นายเอกรัตน์ น่าจะเดินเข้าไปในป่าจากด้านทิศตะวันตก ไปยังทิศตะวันออก ซึ่งเป็นเขาอีกคน ละลูกหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัย ผู้ใหญ่บ้านชาวบ้าน พ่อและแม่ญาติๆของ นายเอกรัตน์ ได้เดินทางโดยหวังว่าวันนี้จะได้เจอตัว จากการวางแผ่นและเดินทางไปยังทิศตะวันออก ห่างจากจุดหายตัวออกไป 3 กิโลเมตร โดยแบ่งกลุ่มคนหาออกไป5 กลุ่ม แต่ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น คนที่พบนายเอกรัตน์ เป็นคนแรกคือ นายแก้ว บุญ ช่วย พ่อของนายเอกรัตน์ ทั้ง 2 เมื่อเจอกันต่างโผเข้ากอดกัน และนายเอกรัตน์ ปล่อยโฮ ด้วยความดีใจ เป็นภารกิจที่สุดทรมานใจของคนในครอบครัว
ทันทีที่ ทีมกู้ภัยนำตัวนายเอกรัตน์ ลงมาถึงยังตีนเขา ที่มีญาติๆและภรร ยา รอยู่ แม่และภรรยาได้โอบกอดด้วยความดีใจ โดยเฉพาะนางเฉลิมศรี แสงตะวัน ที่เข้าไปสวนกอดสามีและร้องไห้ ดีใจที่เจอตัวสามีอย่างปลอดภัย ด้านนายเอกรัตน์ ได้บอกว่า ในวันเกิดเหตุ ตนเองและน้องชาย ได้ขึ้นเขาเพื่อหาสมุนไพรป่า แต่เมื่อขึ้นไปบนเขากับเกิดเป็นตะคริว จึงขอพัก จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้ ได้แต่มีความรู้สึกว่า อยู่ที่บ้าน จนผ่านไปนานเท่าไร่ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในป่า ไม่เจอใครแล้ว จึงได้โทรศัพท์ไปบอกน้าว่าคนเองหลงป่าไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน และคาดว่าถ้าติดอยู่ในป่าอีกซัก2 วันตนเองคงต้องตายแน่ๆ ต่อข้อถามที่ว่าแล้วอยู่มาได้หลายวันกินอะไร นายเอกรัตน์ บอกว่า กินน้ำตามโซก(ซอกที่มีน้ำผ่าน) และได้บนบานเอาไว้ว่า หากสามารถกลับลงไปได้จะไปแก้บนหลวงพ่อทันใจ วันป่าบนเนิน ด้วยไข่ต้ม 100 ใบ ขณะที่ นางฉลวย บุญ ช่วย แม่ของนายเอกรัตน์ บอกว่าเป็นห่วงลูกชายมาก ได้บนบายสานกล่าว ไว 3 ที่ คือ หลวงพ่อทันใจ วันป่าบนเนิน วัดที่อยู่ใกล้บ้าน พระแม่ย่า และปู่ก๊อก ด้วยไก่ต้ม ไข่ต้ม และเหล้าแดง ขอให้พบลูกชายโดยเร็วและขอให้ปลอดภัย และทางญาติๆของนายเอกรัตน์ ได้ขอขอบคุณ ทีมกู้ภัย ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในหมู่บ้านที่ช่วยกันขึ้นไปค้นหาลูกชายแบบไม่ย่อท้อจนสามารถหาตัวลูกชายจนพบในวันนี้.
Discussion about this post