ผบช.สอบสวนกลางนำกำลังลุยจับ เจ รัตภูมิลูกน้องฉุย เขาคาว ผู้ต้องหายิงปะทะตำรวจ  

​ผู้สื่อข่าวจังหวัดพัทลุงรายงานข่าวคืบหน้ากรณีที่กลุ่มคนร้ายนำโดยนายจำรัส รักจันทร์ หรือฉุย เขาคาว ผู้ต้องหาตามหมายจับของตำรวจพัทลุงและสงขลา จำนวน 9 หมาย ใช้อาวุธปืนยิงประทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบทำให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย เสียชีวิต 1 นายและคนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิต 1 คน อีกจำนวน 3 คน ได้ขับรถหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เขตรอยต่อระหว่างจังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขลา 

​การสืบสวนและไล่ล่าจับกุมคนร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วยงานทั้งในพื้นที่จังหวัดพัทลุง สงขลาและตำรวยจากกองปราบปราม นำโดย พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.สอบสวนกลาง พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.พัทลุง สามารถสืบสวนตามยึดรถที่ใช้ในการก่อเหตุมาได้จำนวน 3 คัน อาวุธปืนและอื่นๆได้อีกจำนวนหนึ่ง

​และเมื่อเวลา 09 .00 น.วันนี้ที่ 11 มี.ค.กำลังเจ้าหน้าที่จากกองปราบปรามได้ปิดล้อมขนำในสวนปาล์ม ต.ชะมวง อ.รัตภูมิ และจับกุมตัวนายพงศกร สุวรรณมะโน หรือเจ รัตภูมิ อายุ 22 ปี อยู่ที่ 48/2 หมู่ที่ 9 ต.ชะมวง อ.รัตภูมิจ.สงขลา ลูกน้องของนายจำรัส รักจันทร์ หรือฉุย เขาคาว ที่อยู่ระหว่างหลบหนี  นำตัวมาสอบสวนและชี้จุดที่หลบหนีบริเวณหลังวัดท่าควาย ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไดเตรวจยึดอาวุธปืนของคนร้ายได้เพิ่มอีก 2 กระบอก ปืนเฮชเค 1 กระบอก และ ปืนพกสั้นขนาด 9 มม. 1 กระบอก ซุกซ่อนในกอหญ้าใต้ต้นปาล์มและต้นกล้วยที่นำไปทิ้งไว้ที่กอกล้วย หลังวัดท่าควาย ซึ่งก่อนหน้านี้ตรวจพบในรถของคนร้ายที่เสียชีวิตแล้วจำนวน 2

​และเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 11 มี.ค.พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 เดินทางมาติดตามคดีและประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งนำตัวนายพงศกร สุวรรณมะโน ผู้ต้องหาที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.สอบสวนกลาง จับตัวมาได้ นำตัวเข้าห้องให้ ผบ.ตร.สอบสวนผู้ต้องหาด้วยตัวเองใช้เวลานานกว่า 30 นาที

​ผบ.ตร.แถลงว่า นอกเหนือจากการออกหมายจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาไป  4  ราย  ในข้อหาร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งเป็นข้อหลักแล้ว  ยังมีการยึดของกลางในการกระทำความผิด  ซึ่งเป็นอาวุธปืนสงคราม  2  กระบอก  อาวุธปืนขนาด  9  มม.  จำนวน  1  กระบอก  และอาวุธปืนพกสั้น  1  กระบอก  พร้อมกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง ฯลฯ มีการยึดรถยนต์ของกลุ่มผู้ต้องหา  จำนวน  4 คัน  ขณะนี้กำลังตำรวจของ ภ. 9 , กก.6  บก.ป. ภ.9  และกำลังตำรวจพัทลุง  กำลังเร่งสืบสวนสอบสวนขยายผลดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง  ขยายผลไปถึงใครก็จะมีการจับกุมโดยทันที  ส่วนจะจับเป็นหรือจับตายขึ้นอยู่กับเหตุการณ์และสถานการณ์  แต่เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องมีอาวุธปืนสงครามที่น้ายแรงาง  ตร.จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด  ไม่ว่าการจับเป็นหรือการจับตาย

ในส่วนของวันเกิดเหตุนั้นกลุ่มคนร้ายมีความตั้งใจที่จะยิงต่อสู้กับตำรวจที่เข้าจับกุม  สำหรับนายจำรัส ฯ ผู้ต้องหาคนสำคัญนั้นมีประวัติที่ร้ายกาจที่มีประวัติการก่อเหตุร้ายมาหลายคดี  มีทั้งคดีฆ่าผู้อื่น  คดีขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่  และเป็นเครือข่ายคดียาเสพติดรายสำคัญของจังหวัดพัทลุงที่มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่  อ.ป่าบอน  จ.พัทลุง  และพื้นที่ใกล้เคียง  รวมทั้งในพื้นที่  อ.รัตภูมิ  จ.สงขลา  ในส่วนของการปราบปราม การจับกุมผู้กระทำความผิดนั้นมี  4        กลุ่ม  ประกอบด้วย  กรจัดการกับเครือข่ายขบวนการการค้ายาเสพติด  กลุ่มการค้าขายอาวุธปืน  เครื้องกระสุนปืนสงครามในพื้นที่  และกลุ่มผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง

อย่างไรก็ตามจากการสอบปากคำนายพงศกร  (เจ)  สุวรรณมะโณ  อายุ  22  ปี  นั้น  ทราบว่าจบการศึกษาในระดับมัธยมต้น  พยายามศึกษาระดับ  ปวช.แต่เรียนไม่จบ  ต่อมาได้คบหากับเพื่อนๆและจนเข้าสู่ระบบการค้ายาเสพติดของนายจำรัสฯ  โดยเป็นทั้งผู้เสพและผู้ขาย  โดยนายจำรัส(ฉุย)  ได้จ่ายยาบ้าแทนค่าแรงงานในการปล่อยยาเสพติด  โดยนายเจเผยว่าบางวันตนเองเสพยาบ้าที่ได้รับค่าตอบแทนการขายยาบ้าจากนายจำรัสฯวันละ  20  เม็ด

ส่วนหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามยึดมาได้นั้น มีตั้งแต่รถยนต์เก๋งฮอนด้าสีขาว ทะเบียน กท.2964 พัทลุง รถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรตัน สีเทา ทะเบียน สฉ.2283 กทม. รถยนต์เก๋งมาสด้า ไม่ติดแผ่นป้ายทะบียนอีก 1 คัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 คนนั้น มีเสียชีวิต 1 คน ถูกจับกุมตัวได้ 1 คนอีก 2 คน อยู่ระหว่างหลบหนี มีนายจำรัส หรือฉุย รักจันทร์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/1 หมู่ที่ 9 ต.ชะมวง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา นายอัฐพล ใหมอ่อน อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 303 หมู่ที่ 7 ต.ทุ่งนารี อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ซึ่งคาดว่าผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะกับตำรวจ และได้ชวนกันหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่บริเวณป่าเชิงเขาบรรทัด เคลื่อนย้ายไปมาอยู่ระหว่างจังหวัดสงขลาและจังหวัดพัทลุง ทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามใช้สุนัขดมกลิ่นและใช้ ฮ.บินค้นหาทั่วพื้นที่รอยต่อ 2 จังหวัด แต่ก็ยังไม่พบตัว มีแต่ร่องรอยที่คนร้ายทิ้งเอไว้กลางป่า

​