วันนี้ 29 มีนาคม 2565 ที่ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ สุรินทร์ นายสวพงศ์ กิติภัทรพิบูลย์ ผุ้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ลงมือสาธิตการต้มสมุนไพรพื้นบ้านด้วยตัวเอง พร้อมดื่มโชว์และแจกให้กับเจ้าหน้าที่ได้ดื่ม ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และนโยบายกลับบ้านปลอดภัย ดื่มสมุนไพรบ้านเรา หรือ Surin Welcome Drink หลังจังหวัดสุรินทร์ประกาศให้โควิด19 เป็นโรคประจำถิ่น ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ไปจนถึง เทศกาลสงกรานต์ ด้วยน้ำต้มยำจากสมุนไพรพื้นบ้านแจกกันทุกหมู่บ้านครอบคลุมทั้งจังหวัดเพื่อป้องกันโควิค 19
โดยสมุนไพรพื้นบ้านดังกล่าว ใช้วิธีปรุงไม่ยาก ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้ลงมือสาธิตให้เห็นกันไปเลย โดยประกอบด้วย ข่า ขิง ตะไคร้ต้ม ตะไคร้หอม ใบมะกรูด มะกรูด หัวหอมแดง ใบเตย ใบสาระแหน่ ใบหนาด ฟ้าทะลายโจน และกระชาย ต้มรวมกันประมาณ 15 นาที และนำมากรองดื่มได้ หากมีรสชาติที่ทานยากก็สามารถเติมน้ำผึ้งเข้าไปช่วยเพิ่มรสชาติได้ หลังต้มได้ที่ประมาณ 15 นาทีแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ก็ได้แจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ ผู้ที่เข้าร่วมชมการสาธิตต้มน้ำสมุน ไพรไทยได้ดื่ม พร้อมกันนี้ยังได้โชว์ดื่มน้ำต้มสมุนไพรไทยให้ได้ชมและการันตีว่าดื่มได้แล้วมีประโยชน์จริง
จังหวัดสุรินทร์ประกาศให้โควิด19 เป็นโรคประจำถิ่น นำร่องเป็นจังหวัดแรก ซึ่งผู้ว่าฯชูนโยบาย สงกรานต์กลับบ้านปลอดภัย ดื่มสมุนไพรบ้านเรา หรือ Surin Welcome Drink รับมหาสงกรานต์ ด้วยน้ำต้มยำจากสมุนไพรพื้นบ้าน ให้ชาวสุรินทร์ และผู้ที่เดินทางกลับมาสุรินทร์ได้กินกันทุกวัน ตลอดระยะเวลาในช่วงเทศ กาลสงกรานต์ ทุกเช้า 3 วัน เย็น 3 วัน วันละประมาณ 100-150 ซีซี พร้อมๆ กับยาฟ้าทะลายโจร เช้า 2 เม็ด เย็น 2 เม็ด ทุกหมู่บ้าน ครอบคลุมทั้งจังหวัด เพื่อป้องกันโรคโควิค – 19 โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. นี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้จังหวัดสุรินทร์ประกาศพร้อมนำร่องเป็นจังหวัดแรก ที่เปลี่ยนโควิด-19 เป็น “โรคประจำถิ่น” ในวันที่ 1 เมษายน ที่จะถึงนี้ โดยนายสุวพงศ์ กิตติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ให้ความมั่นใจว่า จังหวัดสุรินทร์พร้อมที่จะเปลี่ยนให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งจังหวัดสุรินทร์ได้ขับเคลื่อนทุกอย่างให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ทำให้สามารถเปลี่ยนโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นโดยในภาพรวมพร้อมแล้วทุกออย่าง เพื่อที่ชาวจังหวัดสุรินทร์ได้มีชีวิตความเป็นอยู่กลับมาปกติได้โดยเร็ว และได้ใช้ชีวิตประจำวันในการประกอบสัมมาอาชีพได้ปกติเหมือนเดิม ซึ่งก็จะทำ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป.
Discussion about this post