จากกรณีเกิดเหตุลมกระโชกแรง ของงวันที่ 29 มีค65 เป็นเหตุทำให้ต้นไม้ล้มทับถนน บ้านเรือนราษฎร และหอพักได้รับความเสียหายบางส่วน รวม 29 หลัง โดยเบื้องต้นทราบว่าไม่มีผู้บาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต สถานที่เกิดเหตุบริเวณซอยปราโมทย์ ซอยร่วมพัฒนา ซอยราชครู และซอยบ้านพักผู้พิพากษา ในพื้นที่หมู่ที่ 1 , 2 , 3 , 9 ตำบลขุนทะเล อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือทันที โดยได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี มูลนิธิกุศลศรัทธสสุราษฎร์ธานี ชมรมนักศึกษาอาสากู้ชีพ-กู้ภัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ให้การสนับสนุนเลื่อยยนต์ตัดกิ่งไม้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสุราษฎร์ธานี ดำเนินการตัดกระแสไฟ และเทศบาลตำบลขุนทะเล
โดยวันนี้ 30 มีค 65 เวลา 09.30 น. นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนางอุรสา จินโต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายจำนง สวัสดิ์วงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสิทธิชัย ไทยเจริญ นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี นายกเทศมนตรีตำบลขุนทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เข้าการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุวาตภัย พร้อมมอบถุงยังชีพ วัสดุก่อสร้าง ในการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จำนวน 3 หลัง คือ นางศิริ กรดเกล้า อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 48 ม.1 ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 2.นางปราณี เซี่ยงฉิน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 74 ม.1 ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี และ3.นางสาวพรทิพย์ นามตาปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 265 ม.1 ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ในการนี้ทางเหล่ากาชาดได้มอบเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเบื้องต้นอีกด้วย สร้างความปราบปลื้มดีใจแก่ผู้ประสบภัยในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ภายหลังรับแจ้งเหตุวาตภัยเกิดขึ่นในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างทันท่วงที และ ในวันนี้ตนเองก็ได้นำคณะลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยการนำสิ่งของมามอบให้พร้อมทั้งมาให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุในครั้งนี้และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และวาตภัย ที่อาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ภายหลังกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ มีประกาศให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง และประเทศมาเลเชีย ส่งผลให้ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 2 – 4 เมษายน 2565 จึงเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วม ขอให้เตรียมความพร้อมตามแผนเผชิญเหตุ ทรัพยากรกู้ภัย เครื่องจักรกล กำลังเจ้าหน้าที่ให้พร้อมปฏิบัติงาน อำนวยความสะดวก และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านนางสาวพรทิพย์ นามตาปี หนึ่งในผู้ประสบภัย เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น แต่ไม่รุนแรงเท่ากับเมื่อ 50 กว่าปีก่อน เหตุภายุโซนร้อนแฮเรียด มหาตภัยแหลมตะลุมพุก ที่สร้างความเสียหายในส่วนของบ้านเรือนราษฎรเป็นวงกว้าง และมีเสียงที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก ส่วนครั้งนี้กังวลแค่แม่วัย100กว่าปี ที่อยู่ในบ้านเท่านั้นโชคดีที่ต้นไม้ไม่ล้มทับบ้านจึงปลอดภัยกันทุกคน แต่ด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และนายกเหล่ากาชาด พร้อมทั้งภาคส่วนต่างๆที่เข้ามาให้การช่วยเหลือทันที เพราะปกติจะติดตามภารกิจท่านผู้ว่าจากสื่อต่างๆ วันนี้เมื่อตนเองประสบภัยจึงได้รู้ว่าภาครัฐไม่เคยทอดทิ้งประชาชน
Discussion about this post