เมื่อเวลา 16.30 น.ของวันที่ 04 เมษายน 2565 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย พลตํารวจตรี อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทร สาคร พันตำรวจเอก ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายประพจน์ คชรัตน์ อายุ 36 ปี ที่อยู่ 27/63 หมู่ 4 ตำบลท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ในข้อกล่าวหาว่า ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมด้วยของกลางเป็น รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น PCX สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน ,มีดปลอกผลไม้ยาว 23 เซนติ เมตร 1 ด้าม,หมวกกันน็อก 1 ใบ,เสื้อคลุมแขนยาว สีดำ 1 ตัว,กางเกงยีนส์ขายาว สีน้ำเงิน 1 ตัว,ถุงมือผ้า สีเทา 1 คู่ ,รองเท้าหนังเทียม 1 คู่,กางเกงยีนส์ขายาว สีดํา (พบอยู่ใต้เบาะ) 1 ตัว , รองเท้าแตะแบบสวม 1 คู่ และ แผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข 1 กฒ 4870 สมุทรสาคร (พบอยู่ใต้เบาะ) โดยคนร้ายรายดังกล่าวนี้ เป็นผู้ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ใช้อาวุธมีดชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ 7-11 หลายสาขาในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร
พันตำรวจเอก ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร เปิดเผยพฤติการณ์ของคนร้ายว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา นายประพจน์ คชรัตน์ ผู้ต้องหา ได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาปากทางสวนส้ม ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทร สาคร ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดประ มาณ 10,000 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 2 เม.ย.65 เวลา 02.45 น.ก่อเหตุที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาเอกชัย 15 (เดอะพราว) ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร. ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดประมาณ 7,000 บาท รวมทั้งเวลา 02.40 น.ของวันเดียวกัน พยายามชิงทรัพย์ ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาเบญจทรัพย์ ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร แต่ไม่ได้ทรัพย์สินใดๆ ไป
ทั้งนี้ต่อมาหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการวิเคราะห์พฤติกรรมคนร้าย พร้อมทั้งวางแผนติดตามจับกุมคนร้ายและแผนการป้องกันเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้าน 7 – 11 ที่เกิดเหตุ และจากกล้องวงจรปิดของรถโมบาย CCTV UNIT ที่จอดป้องกันเหตุอยู่บนถนนเอกชัย บริเวณแยกหมู่บ้านเดอะพราว ตำบลมหาชัยฯ ทำให้เห็นตำหนิรูปพรรณของคนร้ายและรถที่นำมาใช้ก่อเหตุได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงได้ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนเข้าประชิดตัวคนร้ายให้ได้มากที่สุด ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งกายเป็นพนักงานร้าน 7-11 แล้วไปประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ ร่วมกับพนักงานประจำร้านทุกสาขาที่มีอยู่ในพื้นที่ถึง 90 สาขา
อีกทั้งให้ตำรวจนอกเครื่องแบบออกตรวจเต็มพื้นที่เพื่อหารถจักรยานยนต์ของคนร้าย รวมถึงการจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 4 เมษายน2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าประจำร้าน 7-11 สาขาซอยบ้านปลายคลองครุ (ใกล้โรงแรมโนอาร์) ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร สังเกตพบชายต้องสงสัยแต่งกายลักษณะและใช้ยานพาหนะคล้ายกับคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ 7-11 จึงได้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ และแจ้งศูนย์วิทยุเพื่อสกัดติดตาม จนกระทั่งสามารถควบคุมตัวชายคนดังกล่าวได้ที่บริเวณจุดกลับรถหน้าอู่ซ่อมรถ 81 ถนนเศรษฐกิจ ม.7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
จากการสอบสวนนายประพจน์ คชรัตน์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้าน 7-11 ทั้ง 3 สาขาจริง เพราะต้องการหาเงินไปใช้หนี้พนันบอลออนไลน์ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทร สาครดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านพลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวด้วยว่า ปฏิบัติการดังกล่าวนี้เรียกว่า “ปฏิบัติการกัดไม่ปล่อย” ไม่ว่าคนร้ายจะหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่และตำรวจภาค 7 จะต้องติดตามจับกุมตัวมาให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ในจังหวัดสมุทรสาครเท่านั้น แต่ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรทั้ง 8 จังหวัด ดำเนินตามมาตรการเดียวกัน และใช้แผนเดียว กันคือ อยากได้โจรก็ต้อง ก็ต้องทำตัวให้แนบเนียนกับบุคคลในเหตุการณ์ นั่นคือ การแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มคน ที่จะสามารถเข้าถึงโจรให้ได้มากที่สุด จึงทำให้จับโจรได้สำเร็จอย่างเช่น กรณีนี้เป็นต้นนั่นเอง พร้อมกันนี้ก็ขอฝากไปยังร้านสะดวกซื้อทุกแห่ง ให้เฝ้าระวังบุคคลแปลกหน้า พร้อมทั้งต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดและระบบสัญญาณแจ้งเหตุเตือนภัยให้คงสภาพการใช้งานไว้ได้เสมอ หากเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับภาพจากกล้องวงจรปิดทันที เพื่อที่จะได้ติดตามตัวคนร้ายมาได้อย่างรวดเร็ว.
Discussion about this post