ผู้สื่อข่าวจังหวัดพัทลุงรายงานข่าวคืบหน้าจากกรณีที่สภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้ฝนตกบ่อยๆ และแดดร้อนจัด ในพื้นที่จังหวัดพัทลุงต่อเนื่องมาหลายวัน ทำให้ควายน้ำทะเลน้อย ที่นักท่องเที่ยวชอบล่องเรือในทะเลชมวิถีชีวิตควายน้ำทะเลน้อยในช่วงเทศกาลต่างๆ บ้างก็ชมควายน้ำบริเวณสะพานยกระดับเฉลิมพระเกียรติ รอยต่อ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง กับ อ.ระโนด จ.สงขลา ล่าสุด สภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ควายของชาวบ้านที่เลี้ยงบริเวณทุ่งหญ้าคลองนางเรียม กว่า 2,700 ตัว ได้ล้มตายลงเป็นจำนวนมาก โดยลอยตายในทะเลบนทุ่งหญ้า สองฝั่งสะพานยกระดับ ทั้งควายตัวอ่อน ตัวแก่ และวัยเจริญพันธุ์ หลังจากควายเหล่านี้ที่หากินบนทุ่งหญ้าที่ถูกน้ำท่วมขังนาน กว่า 6 เดือน โดยไม่มีทีว่าน้ำในทะเลน้อยจะลดลง
ขณะที่เจ้าของควายระบุว่าปกติน้ำในทะเลน้อย จะท่วมอยู่ 2-3 เดือน แล้วก็ลดลง ทำให้ควายที่พวกเขาเลี้ยงสามารถปรับตัวเองได้โดยการพาลูกดำน้ำกินหญ้า พร้อมทั้งเจ้าของความได้นำหญ้าแห้งมากักตุนไว้เพื่อให้ควายได้กินให้รอดพ้นช่วงน้ำหลากในรอบ3 เดือน ของ 1 ปี แต่ปีนี้น้ำท่วมขังนาน อาหารหญ้าแห้งที่เตรียมไว้มีไม่เพียงพอ คลายที่หากินบนทุ่งหญ้าผอมโซ และล้าจากการดำน้ำกินหญ้า น๊อค จนล้มตายลงในขณะนี้และกำลังทยอยตายลงเรื่อยๆ กว่า 200 ตัว ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
ล่าสุดช่วงเย็นของวันที่ 11 เม.ย.นี้ นายวิญญ์ สิทธิเชนทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง หลังรับทราบข่าว ได้ลงพื้นที่บริเวณทุ่งหญ้าคลองนางเรียม บนสะพานเฉลิมพระเกียรติ รอยต่ออ.ควนขนุน จ.พัทลุง – อ.ระโนด จ.สงขลา เพื่อประเมินสถานการณ์ พร้อมด้วยนายอำเภอควนขนุน ปศุสัตว์อำเภอควนขนุน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมระบุว่า ในเบื้องต้นจากการสอบถามเจ้าของควายในจุดดังกล่าว สาเหตุการตายของควายน่าจะเกิดจากการอดอาหาร เนื่องจากน้ำท่วมทุ่งหญ้าเลี้ยงควายนานเกินไป จนได้รับผลกระทบและทยอยตายลงจำนวนมาก พร้อมทั้งให้ปศุสัตว์จังหวัดเร่งเดินทางมาช่วยเหลือควายที่เหลือและป่วยที่อาการผอมโซ เร่งเสริมเคลเซี่ยม อาหารเสริม และหญ้าแห้ง เพื่อที่จะรักษาควายที่เหลือให้ปลอดภัย พร้อมทั้งดูแลควายที่ป่วยอาการร่อแร่อีกกว่า 300 ตัว ขณะเดียวกัน ให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เร่งเก็บตัวอย่างควายที่ตายว่าสาเหตุการตายเกิดจากอดอาหารหรือจากโรคระบาด พร้อมทั้งให้เร่งเก็บทำลายซากควายที่ลอยน้ำทำลายอย่างถูกสุขลักษณะต่อไป
Discussion about this post