ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรี ธรรมราช พ.ต.ท. วีระศักดิ์ คงเพชร ผบ.ร้อย ตชด.417 สุราษฎร์ธานี พ.ต.ต.จำเริญ อินทร์แก้ว หัวหน้าชุดปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชุดปฎิบัติการพิเศษราชเดช กองบังคับการตำรวจภูธร ชุดสืบสวนตำรวจภูธรนครศรีธรรมราชและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
วางแผนจับกุมตัวนายไพทูร หรือทูร ขวัญแก้ว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ที่ 11 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง และนายคมจักร หรือโด้ มาเจริญ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 418 หมู่ที่ 9 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง หลังจากที่ นายไพทูร นายคมจักร ที่มีอาวุธปืนสงคราม เข้าพักที่โรงแรมตะลุงรีสอร์ท ท้องที่ ม.16 ต.ชะมวง อ.ควนขนุน และได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฟอร์ด โฟกัส สีขาว ทะเบียน กข.48 นครศรีธรรม ราช ฝ่าวงล้อม ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลบหนีการจับกุม เหตุเกิดเมื่อตอนเช้าวันที่ 19 มกราคม 2565 โดยเจ้าออกติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาเมื่อตอนเย็นวันที่ 27 มกราคม 2565 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส.) พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ แดนไทย 54 กำลังตำรวจภาค 8 ตร.ภ.9 ตร.ภ.จว.พัทลุง ตร.ชุดปราบปรามผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วางแผนเข้าจับกุมตัวนายประดิษฐ์ หรือ แกร็ก พร้อมกับนางสาวบุหลัน หมัดหัด อายุ 35 ปี ผู้เป็นภรรยา หลังจากสืบทราบว่าทั้ง 2 คน ซึ่งถูกหมายจับของศาลจังหวัดพัทลุง เข้ามาหลบซ่อนตัวในบ้านชั้นเดียวซึ่งเพิ่งก่อ สร้างใหม่ บริเวณกลางทุ่งนา ท้องที่ ม.1 ต.รามแก้ว อ.หัวไทร จ.นครศรี ธรรมราช และสามารถวิสามัญไอ้แกร็ก และจับกุมตัวนางสาวบุหลัน ได้โดยละม่อม ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น
ล่าสุดในวันนี้ 21 เมษายน 65 พ.ต.ต. จำเริญ อินทร์แก้ว หัวหน้าชุดปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมพวกได้สืบทราบว่า นายไพทูร นายคมจักรสองผู้ต้องหาที่ศาลพัทลุงออกหมายจับพร้อมกับนายประดิษฐ์ เมื่อวันที่ 23 มกราคม /2565 หนีมากบดานหลบซ่อนตัวในพื้นที่ อ.จันดี จ.นครศรี ธรรมราช ก่อน พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.น ครศรีธรรมราช พร้อมกำลังเข้าจับกุม ตรวจค้นในบ้านเช่าต้องสงสัย เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ไม่พบตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย แต่อย่างได โดยทราบจากเพื่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมาสอบว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายได้หลบหนีไปอยู่ที่อื่นแล้ว เพียงให้ตนเองดูแลเรื่องการเงิน และทวงเงินจากการค้ายาเสพติดของนายไพทูรย์ ผู้ต้องหา โดยเจ้าหน้าที่พบรายชื่อลูกค้า หลายสิบราย และมีเงินหมุนเวียนในช่วง 4 เดือนจากการค้ายาเสพติด หลายสิบล้านบาท พร้อมทั้งมีการว่าจ้างให้ผู้หญิงเปิดบัญชีเพื่อโอนเงินเข้าอีกหลายล้านบาท และขณะทางเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเพื่อนของนายไพทูรย์ผู้ต้องหา ได้ทำลายหลักฐานโดยการทำลายโทรศัพท์ทิ้งก่อนที่เจ้าหน้าที่ปีนหน้าต่างเข้าจับกุม และนำตัวมาสอบสวนขยายผล ต่อไป ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบอีกครั้งเนื่องจากเจ้าหน้าที่ขอสอบปากคำเพื่อขอปิดเป็นความลับ.
Discussion about this post