
วันที่ 5 พ.ค.65 ผู้สื่อข่ารายงานว่า สืบเนื่องจากกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี(กกล.ฯ) โดย หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 (ฉก.ทพ.21) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ณรงค์ สวนแก้ว ผู้บัญชา การกองพลทหารราบที่ 3 (ผบ.พล. ร.3)/ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (ผบ.กกล.ฯ),พ.อ.สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1(ผบ.บก.ควบคุมที่ 1)/ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 (ผบ.ร.3) และ พ.อ.อุทัย นิลเนตร ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21(ผบ.กรม ทพ .21)/ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 (ผบ.ฉก.ทพ.21) ได้บูรณาการด้านการข่าวในพื้นที่ อ.บ้านแพง จ.นครพนม หลังได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดจากขบวนการค้ายาจากประเทศเพื่อนบ้านข้ามมายังฝั่งประ เทศไทย ตามแนวชายแดนแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย ฉก.ทพ.21
กกล.สุรศักดิ์มนตรี จึงได้บูรณาการร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 2108 ( ร้อย.ทพ.2108) หน่วยเฉพาะกิจที่ 21 (ฉก.ทพ.21) นำโดย ร.ต.วันชาติ เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 2108 (ผบ.ร้อย. ทพ.2108) ร่วมกับสถานีเรือบ้านแพง (สน.เรือฯ) หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนคร พนม (นรข.เขตฯ), ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว (QRF), ตชด.2373,ฝ่ายปกครอง และตำรวจ สภ.บ้านแพง เข้าปฏิบัติการซุ่มในพื้นที่จุดเสี่ยง จุดล่อแหลมสำคัญตามภูมิประเทศกระทั่งพบชายฉกรรจ์จำนวน 2 คน ไม่ทราบสัญชาติ เดินแบกสิ่งของลัดทุ่งนามาตามชายป่าบริเวณบ้านม่วงชี หมู่ 4 ต.โพนทอง อ.บ้านแพง จ.นคร พนม เพื่อมุ่งหน้ามายังทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 212 ซึ่งกำลังมีการขยายช่องทางจราจรจาก 2 เลนเป็น 4 เลน ชุดปฏิบัติการที่ได้วางจุดเฝ้าซุ่มอยู่บริเวณดังกล่าว จึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่ชายทั้งสองได้ทิ้งกระ สอบต้องสงสัย วิ่งหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ เจ้าหน้าที่จึงทำการปิดล้อมพื้นที่ซึ่งคาดว่าผู้ต้องสงสัยหลบซ่อนตัว
ชุดปฏิบัติการใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถทำการควบคุมตัวคนร้ายไว้ได้ทั้ง 2 คนขณะนอนราบลงกับพื้นในพุ่มไม้ และเข้าตรวจสอบสิ่งของพบตะกร้าพลาสติกสานซึ่งภายในบรรจุยาบ้าห่อหุ้มด้วยกระ สอบสีเหลือง ตรวจนับเบื้องต้นได้จำนวน 49 มัด ประมาณ 98,000 เม็ด จึงนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดนำกลับไปที่ บก.ร้อย.ทพ. 2108 เพื่อทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม

ผู้ต้องหาทั้งสองทราบต่อมาว่าชื่อ ท้าวเสือ อ้วนแก้ว อายุ 21 ปี และ ท้าวน้อย อ้วนแก้ว อายุ 24 ปี โดยให้การว่าเป็นราษฎรบ้านดอน เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ ประเทศลาว ท้าวน้อยเล่าว่าช่วงเวลาประมาณ 19.30 น. ท้าวค่อล่อซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันโทรศัพท์มาบอกว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดข้ามมายังเครือข่ายฝั่งไทย ตนจึงชวนท้าวเสือซึ่งเป็นญาติกันร่วมทำงานครั้งนี้ด้วย โดยจะได้ค่าจ้างหลังเสร็จงานคนละ 10,000 บาท ท้าวค่อล่อเป็นผู้นำยาเสพติดใส่เรือแล้วช่วยกันพายเรือข้ามมายังฝั่งไทย บริเวณหาดทรายบ้านท่าลาด หมู่ 9 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม โดยท้าวค่อล่อส่งผู้ต้องหาถึงฝั่งแล้วก็พายเรือกลับ พร้อมบอกว่าเสร็จงานเมื่อไหร่ให้โทรหา ท้าวน้อยกับท้าวเสือจึงช่วยกันแบกกระสอบยาเสพติดเดินขึ้นมาตามเส้นทางที่นัดหมายคือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (บ้านแพง-นครพนม) โดยมีเครือข่ายเป็นหญิงจะขับรถ ยนต์มารับยาเสพติดตรงจุดนัดหมายคือบ้านม่วงชี หมู่ 4 ต.โพนทอง อ.บ้านแพง จ.นครพนม แต่ถูกชุดปฏิบัติการซุ่มจับกุมตัวได้ดังกล่าว ซึ่งหญิงที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างนั้นเจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่าเป็นใคร อยู่ในขั้นตอนของกฎหมายที่จะจับกุมตัวมาขยายผลต่อไป
นอกจากนี้ท้าวน้อยยังให้การรับสาร ภาพอีกว่า ก่อนถูกจับกุมได้ทำมาแล้ว 2 ครั้ง ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 65 ร่วมกับเพื่อนชาวลาวลำเลียงยาเสพติดจำนวน 1 กระสอบมาส่งให้เครือข่ายฝั่งไทย รับค่าจ้างคนละ 3,000 บาท ครั้งที่สองเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 65 ร่วมกับเพื่อนชุดเดิมได้ขนยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งไทย เป็นยาบ้า 220,000 เม็ด และเพื่อนสองคนถูกจับกุมตัวได้ส่วนตนหลบหนีทัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามก็จบเห่โดนรวบตัวพร้อมของกลางเกือบ 100,000 เม็ด ส่วนท้าวเสือไม่เคยทำงานลำเลียงยาเสพติดมาก่อน มีอาชีพทำนาและปลูกมันสำปะหลัง ถูกท้าวน้อยที่เป็นญาติกันชักชวนและเห็นว่าค่าจ้างสูงจึงยอมทำงานครั้งนี้ด้วย โดยได้โทรศัพท์หาหญิงคนหนึ่งที่เป็นคนไทย เพื่อนัดจุดส่งยาบ้ากันบริเวณใกล้กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (บ้านแพง -นครพนม) ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองโดยเฉพาะท้าวน้อยยังปิดบังข้อมูลบางอย่าง เพราะหากเปิดเผยเครือข่ายร่วมถึงชื่อนายทุนที่เป็นคนไทย ครอบครัวอาจจะไม่ปลอดภัย ส่วนยาบ้าล๊อตนี้ในเชิงลึกเป็นของผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียงทำมาแล้วหลายครั้ง มีรายชื่ออยู่ในสารบบของหน่วยงานความมั่นคงหมดแล้ว.
Discussion about this post