กลุ่มชาวบ้านไทคอนสาร นำป้ายเขียนข้อความ ขับไล่พระบิดา และสาวกพ้นจากอาณาเขตอำเภอคอนสาร อ้างว่าทำให้ชาวอำเภอคอนสารเสื่อมเสียชื่อเสียง
นายชูวิทย์ ล่องแซง ประธานชมรมผู้บริหารท้องถิ่น อ.คอรสารและนางสายทอง บัวดี กำนันต.คอนสาร ประ ธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านคอนสารนำตัวแทนชาวบ้าน รวมกว่า 100คน เขียนป้ายแสดงความความไม่พอใจ กับการกระทำของนาย ทวี” (พระบิดา) อายุ 74 ปี ชาว ต.โนนสะอาด อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น พร้อมกับสาวก และยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิผ่าน นายเสกสรร สวัสศรี นอภ.คอนสาร เพื่อเรียกร้องให้ ทางจังหวัดสั่งการให้ ขับไล่ผู้นำลัทธิประหลาด และบรรดาสาวก ออกจากชุมชน และขอเรียกร้องนำที่สาธารณ ประโยชน์ที่นายทวี (พระบิดา)พร้อมกับพวกยึดมาครอบครองขยายเป็นอาณาจักร สร้างลัทธิความเชื่อที่วิตถาร กลับคืนมาเพื่อใช้ประโยชน์ร่วม สิ่งที่ลัทธิดังกล่าวทำยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และรู้เห็นด้วยกับลัทธินี้ ดังนั้นชาวคอนสารจึงยื่นหนังสือผ่านนายอำเภอคอนสารถึงผู้ว่าราช การจังหวัดชัยภูมิยืนยันไม่เอาลัทธิประหลาดพร้อมให้ดำเนินการให้ถึงที่สุด
นายเสกสรร สวัสศรี นอภ.คอนสาร เดินทางลงมารับหนังสือด้วยตนเอง พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นในอำเภอคอนสาร และขอบคุณชาวบ้านที่เป็นชาวอำเภอคอนสารอย่างแท้จริง ที่ร่วมกันออกมาปกป้องบ้านเกิดของตนเอง ตนยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทางภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ท่านได้เดินทางลงมาทำการตรวจสอบและดำเนินการด้วยตนเอง จนสามารถคลี่คลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ตนมั่นใจว่าสิ่งที่ชาวบ้านร้องขอมา ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนมีความประสงค์ไม่ต่างกัน
หลังจากที่นายอำเภอรับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน พร้อมรับปากว่าจะดำเนินการตามที่ชาวบ้านประสงค์ ชาวบ้านต่างพึงพอใจและเดินทางกลับในเวลา 13.00น.
ขณะที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมแก้ปัญหา สำนักพระบิดาเถื่อน ลัทธิ กินขี้ฉี่ สะเลดน้ำลาย เริ่มทะยอยนำซากศพจำนวน11ศพ ออกจากพื้นที่ พลตำรวจตรีฉลอง สุขจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยนายอำเภอคอนสาร และกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งทหารตำรวจมูลนิธิกูภัยต่างๆรวมกว่า100คน เดินทางเข้าไปยังสำนักพระบิดา ที่ตำบลดงบัง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ มีญาติผู้เสียแจ้งไปยังสื่อ เพื่อขอให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักพระบิดา ที่มีชาวบ้านหลงเชื่อและศรัทธา เดินทางมาจากทุกสารทิศ เพื่อมาทำการรักษาตัว โดยใช้วิธีรักษาแบบพิศดาร แตกต่างจากการรักษาโรคที่ขัดต่อหลักวิชาการทุกเรื่อง เช่นการดื่มน้ำปัจสาวะ ดื่มน้ำอุจาระ ดื่มนำลายและสะเลด ตลอดจนเศษเหงื่อไคร ที่พระบิดาถูออกมาจากร่างกาย โดยเชื่อว่าเป็นยารักษาโรค ทั้งนี้ยังพบว่าที่ใต้โรงศพจะมีท่อสายยางต่อลงมาใส่ถังหรือแกลลอนเพื่อให้น้ำเหลืองจากศพไหลเข้าไปอยู่ภายในนั้นจากการสอบถามทราบว่าชาวบ้านที่มารักษาตัวนำน้ำเหลืองมาทาหน้าเพื่อเป็นการรักษาผิวให้ดูดี จนในที่สุดหมอปลา และผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้เข้าทำการควบคุมตัวนายทวี หนันรา อายุ75 ที่อ้างตนว่าเป็นพระบิดา ของทุกศาสนามาทำการสอบสวนที่สภ.คอนสาร ซึ่งนอกจากจะมีการรักษาโรคแบบพิสดารแล้ว ยังพบว่ามีซากศพ11ศพ บรรจุในโลงศพอีกด้วย
เมื่อถึงพื้นที่ที่เกิดเหตุพลตำรวจตรีฉลอง สุขจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายกระจายกำลังเข้าทำการตรวจค้นอย่างละเอียดตามที่ได้มีการประชุมวางแผนไว้ ซึ่งเป้าหมายหลักคือการตรวจสอบ ซากศพที่บรรจุอยู่ในโรงศพ และคาดว่าอาจมีการนำไปฝังไว้ตามพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้และสิ่งอื่น ที่อาจเชื่อมโยงไปสู่การกระทำความผิดด้านอื่น เนื่องจากยังมีศพเพื่อจะทำการตรวจ และพิสูจน์รวมถึงน้ำหมักที่อ้างว่ารักษาโรคต่างๆ ได้ หากตรวจสอบพิสูจน์ได้ว่ามีการเชื่อมโยง จนเป็นเหตุให้เกิดการเสียชีวิต ก็จะดำเนินการทางกฏหมายทันที
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบ พบว่าแต่ละศพจะถูกบรรจุอยู่ในโลงศพ แต่ละโลงศพจะตั้งอยู่ภายในกระต็อบหลังละศพ ส่วนศพที่พบมีลักษณะแห้งเหลือเพียงโครงกระดูก และหนึ่งใน11ศพที่พบ มีการโบกด้วยปูนซีเมนท์ และอีกศพคาดว่าน่าจะพึ่งเสียชีวิตไม่นานเนื่องจากสภาพศพยังมีสภาพสมบรูณ์ และภายในโลงศพมียาเส้นและใบขนุนที่ใช้ในการดับกลิ่นเน่าเหม็นด้วย ส่วนศพทั้ง11ศพ ได้ทำการเคลื่อนย้ายไปไว้ที่มูลนิธิชุมแพ เพื่อรอผลการพิสูจน์จากทางนิติเวช จากนั้นก็จะมอบให้กับญาติผู้เสียชีวิตกลับไปบำเพ็ญกุศล ตามประเพณีต่อไป
บริเวณพื้นที่ของสำนักพระบิดา ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนได้ตรึงกำลังห้ามให้บุคคลภายนอกเข้า ไปด้านใน และประชาชนที่อยู่ด้านในก็ห้ามออกมา ซึ่งทางนายอำเภอจะได้จัดรถรับ -ส่ง ประชาชนกลับภูมิลำ เนา บรรยากาศเป็นไปด้วยความตรึงเครียดพอสมควรเพราะยังมีผู้ที่ศรัท ธาบางรายยังเลื่อมใสศรัทธาอยู่ ไม่ประสงค์ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา เนื่องจากยังมีความหวังว่าพระบิดาจะกลับมาอีกครั้ง
พันตำรวจเอกวัฒนชัย จันทร์ทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร ยอมรับว่าเนื่องสภาพศพส่วนใหญ่ อยู่ในสภาพที่แห้งและเหลือเพียงโครงกระดูก จำเป็นต้องนำไปเก็บรักษาไว้ในที่เหมาะสม เพื่อรอผลพิสูจน์อย่างเป็นทางการเสียก่อน จึงจะมอบให้กับญาตินำกลับไปทำบุญ ส่วนนายทวี หนันรา อายุ75 ปี ที่อ้างตนว่าเป็นพระบิดาของทุกศาสนานั้น ในช่วงบ่ายของวันนี้ จะได้นำตัวไปฝากขังที่ศาลอำเภอภูเขียวต่อไป.
Discussion about this post