
วันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสกลนคร นายสมเกียรติ โรจนะวรกมล ทนายความพร้อมด้วย นายไชยา แพงศรี คณะทำงานพรรคเสรีรวมไทย ได้พา นางวิลัยพร แสนดวง อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 107 ม.8 ต.เชียงสือ อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร เข้ายื่นหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสกลนคร ร้องขอความเป็นธรรมและขอให้ตรวจสอบการจดทะเบียน ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้จดทะเบียนกรณีเรื่องโอนชำระหนี้จำนองของ นางวิลัยพร แสนดวง โฉนดที่ดินเลขที่ 6418 ต.เชียงสือ อ.โพนนาแก้ว โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยมีสิ่งที่ส่งมาด้วย เช่น สำเนาสัญญาจำนอง บันทึกข้อตกลงเรื่องโนชำระหนี้จำนอง หนังสือมอบอำนาจ และสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งในหนังสือร้องเรียนระบุว่า เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 นางวิลัยพรได้นำโฉนดที่ดินเลขที่ 6418 ต.เชียงสือ อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร ไปจดทะเบียนจำนองเพื่อประกันเงินกู้ของข้าพเจ้าจำนวน 150,000 บาท กับนางสาวอนัภคพร บุนนท์ โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา โดยให้ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี และนำส่งดอกเบี้ยเดือนละครั้งเสมอไป รายละเอียดปรากฎตามสัญญาจำนองสิ่งที่ส่งมาด้วย
ต่อมา ประมาณวันที่ 16 เมษายน 2565 นางวิลัยพรได้รับทราบจากนายดุพล คืมยะราช ซึ่งเป็น
ผู้รับซื้อฝากที่ดินแปลงดังกล่าว มาจากบุคคลหนึ่ง ว่าได้เห็นมีบุคคลภายนอกได้โพสข้อความและภาพถ่าย ของบุคคลดังกล่าว ว่าเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมในการหลอกลวงเรื่องที่ดินของบุคคลทั่วไปในเฟสบุ๊ค นายดนุพล เองเมื่อทราบเรื่องดังกล่าว จึงได้ทำการติดต่อมายังผู้ร้องเพื่อสอบถามถึงเรื่องที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ว่า ผู้ร้องเองได้มีการโอนชำระหนี้จำนองให้แก่บุคคลดังกล่าวตามที่ปรากฎหรือไม่ เมื่อทราบเรื่องดังนั้น จึงได้แจ้งแก่นายดนุพล คืมยะราช ว่าผู้ร้องไม่เคยทำการใด ๆในการโอนที่ดินแปลงดังกล่าว หรือมอบอำนาจให้บุคคลดังกล่าว ไปทำการชำระหนี้ที่ดินแปลงดังกล่าวทั้งสิ้น นอกจากนั้น ยังได้รับทราบจากนายดนุพลว่า บุคคลดังกล่าว ได้แจ้งแก่นายดนุพลว่าตนเองผิดพลาดที่ทำการจดทะเบียนโอนชำระหนี้จำนองที่ดินแปลงดังกล่าว มาเป็นชื่อของของนายหน้าและนำมาขายฝาก ให้แก่ผู้รับซื้อฝากที่ดิน โดยที่นางวิลัยพร ไม่ทราบเรื่อง และได้แจ้งว่าจะรีบนำเงินที่ขายฝากมาคืนผู้ที่รับซื้อฝากที่ดินโดยเร็ว
ซึ่งนางวิลัยพร ได้ทราบเรื่องดังกล่าวรู้สึกตกใจ และรีบนำเรื่องดังกล่าวปรึกษากับทางทนายความ ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องการโอนชำระหนี้ที่เกิดขึ้นว่าเป็นความจริงหรือไม่ จนกระทั่งพบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารหนังสือมอบอำนาจ ซึ่งได้มีการกรอกข้อความในเอกสารดังกล่าวโดยที่นางวิลัยพรไม่ทราบเรื่องและไม่รู้จักกับพยานที่มีการลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวทั้งสิ้น ที่สำคัญ นางวิลัยพร ไม่เคยมอบสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ให้แก่นายหน้ารายนี้ เพื่อมาดำเนินการจดทะเบียนโอนชำระหนี้ที่ดินแปลงดังกล่าวทั้งสิ้น และอีกประการที่ดินแปลงดังกล่าวที่มีการจดทะเบียนจำนองนี้ มีราคาตลาดที่สูงกว่า 1,600,000 บาท และราคาประเมินก็มีราคาสูงประมาณ 830,000 บาท อีกด้วย นางวิลัยพร จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องทำการโอนที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ให้แก่นายหน้าเพื่อชำระหนี้ทั้งสิ้น ข้อเท็จจริงที่สำคัญอีกประการคือ นางวิลัยพร ก็ไม่เคยได้รับเงินส่วนต่างค่าที่ดินที่จำนองนี้เพิ่มเติมใด ๆ จากนายหน้าอีกด้วย นอกจากเงินที่ได้จากการจดทะเบียนจำนองจำนวน 150,000 บาท ในตอนแรกที่นำไปทำสัญญาจำนองการดำเนินการดังกล่าวตามที่ปรากฏจึงเป็นการปลอมแปลงเอกสาร ,ใช้เอกสารปลอม และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในการจดทะเบียนโอนชำระหนี้และขายฝากที่ดินแปลงดังกล่าวนี้โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือ มิชอบด้วยกฎหมาย การกระทำนี้ทำให้นางวิลัยพรและครอบครัวต้องสูญเสียที่ดินมรดกไปโดยไม่ชอบธรรมและได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันนางวิลัยพร ได้มอบหมายให้ทางทนายความทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยจะทำการยื่นฟ้องเอาผิดทั้งทางแพ่งและอาญากับบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทั้งหมด และจะได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายไชยา แพงศรี คณะทำงานพรรคเสรีรวมไทย ไปถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวสด้วย เพื่อให้ทางคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎรได้รับเรื่องเพื่อทำการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวที่เกิดขึ้น และหากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะขอให้ทางคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดำเนินการเอาผิดบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประพฤติมิชอบ ในการจดทะเบียนในครั้งนี้ต่อไป และวันนี้จึงขอให้ที่ดินจังหวัดสกลนคร ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นนี้เพื่อให้เกิดความซัดแจ้งและเป็นธรรม นอกจากนี้ ยังได้เข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสกลนคร อีกด้วย
นายสมเกียรติ โรจนะวรกมล ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ได้พาผู้เสียหายที่เป็นเจ้าของที่ดินถูกกระบวนการโกงหลอกลวงเอาที่ดินไปมายื่นเรื่องตรวจสอบ ซึ่งขบวนการนี้มีเครือข่ายทั่วอีสานตอนบน เช่น สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และอุดรธานี พี่น้องในสกลนครถูกฉ้อโกงไปมูลค่านับ 100 ล้าน และในครั้งนี้ปรากฏว่ามีผู้เสียหายจำนวนหลายรายมาติดต่อตน จึงเดินทางมาพร้อมกับคณะทำงานของทางพรรคเสรีรวมไทย มารับหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรม ขอให้ช่วยตรวจสอบหากพบการกระทำความผิด อยากให้ทางเจ้าพนักงานที่ดินเพิกถอนการจดทะเบียนที่มีความผิดปกติ ให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านด้วยการคืนที่ดินให้กับเขาด้วย เรื่องนี้ตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพราะสงสารผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งนี้ และถือโอกาสให้ความรู้แก่ผู้มาใช้บริการในสำนักงานที่ดิน ให้ระมัดระวังแก๊งนี้ด้วย
วัฒนะ แก้วก่า / สกลนคร
Discussion about this post