ผู้สื่อข่าวจังหวัดพัทลุง รายงานข่าว จากกรณีที่ ด.ญ.แดง (นามสมมุติ) นักเรียนชั้น ม.3/8 โรงเรียนสตรีพัทลุง ได้ผูกคอตายที่คาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุความเข้าใจที่ผิดพลาดของหัวหน้ากลุ่มงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนดังกล่าว โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 ณ บ้านพักของเด็กในพื้นที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลาในขณะที่นางมาลี แก้วละเอียด ผอ.โรงเรียนสตรีพัทลุง ออกมายืนยันว่าโรงเรียนได้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือดูแลนักเรียนคนดังกล่าวไว้ทุกด้านแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากความเข้าใจที่ผิดพลาด ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น
ทางด้านนางสาวจรรยา ชูเมฆ เครียด ครูโรงเรียนสตรีพัทลุง ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ซึ่งได้แนะนำให้ ด.ญ.แดง(นามสมมุติ) นำมารดามาพบกับครู ในวันที่ 17 พ.ค.65 เพื่อยินยอมให้นำเด็กคนดังกล่าวไปพักอาศัยในบ้านพักเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน โดยทางโรงเรียนจะให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่จะนำไปสู่การผูกคอตายในครั้งนี้ โดย นางสาวจรรยา ฯได้ปฏิเสธที่จะให้ข่าวกับสื่อมวลชน เนื่องจากรู้สึกเครียดและสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่ตนเองได้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลเด็กอย่างเต็มที่แล้ว
อย่างไรก็ตามจากการที่ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปติดตามในเฟสส่วนตัวของ น.ส.จรรยาฯ ก็พบว่า ก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้เป็นตัวกลางในการระดมความช่วยเหลือจากเพื่อนครู พรรคพวกเพื่อนฝูงในการจัดซื้อเครื่องแบบนักเรียน รองเท้า ชุดพละ ให้แก่นักเรียน พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณเพื่อนครู เพื่อนฝูงที่นำนักเรียนไปจัดซื้อกระโปรง รองเท้า ชุดพละ ให้นักเรียนด้วย รวมทั้งขอบคุณที่นำเสื้อผ้านักเรียนที่มีสภาพใหม่มามอบให้นักเรียนก่อนที่จะเปิดภาคเรียนอีกด้วย
และเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 16 พ.ค.นี้ ที่ห้องประชุมราชาวดี โรงเรียนสตรีพัทลุง นายมลตรี ดำช่วย รอง ผอ.โรงเรียนสตรีพัทลุง ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยมีนางมาลี แก้วละเอียด ได้เข้ามาพบกับคณะกรรมการผู้เข้าร่วมประชุมด้วย ทางด้านนายปริญญา อนุพินิจ นิติกรชำนาญการพิเศษ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นคณะกรรมการฯขุดดังกล่าว กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นสังคมกำลังสับสวน คณะกรรมการฯจึงต้องทำเรื่องนี้ให้ความจริงปรากฏ ซึ่งตนก็ยอมรับว่าโรงเรียนแห่งนี้มีระบบการดูแลนักเรียนที่เป็นสาระสำคัญและเป็นประเด็นหลักอยู่แล้ว ซึ่งจะสังเกตได้จากโรงเรียนต่างๆทั้งในและต่างจังหวัดได้เข้ามาศึกษาดูงานระบบการดูแลนักเรียนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นทางผู้บริหารหาร คณะครู ต่างรู้สึกสลดใจกับเหตึการณ์ที่เกิดขึ้น จึงต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อที่จะได้สรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานให้สังคมได้รับทราบตามขั้นตอนต่อไป พร้อมกันนั้นก็ได้เรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนงได้เสนอข่าวที่เกิดขึ้น โดยการสืบหาข้อเท็จจริงกันทั้ง 2 ฝ่าย อย่าได้ให้สังคมลงโทษโรงเรียน ผู้บริหาร และคณะครูเพียงฝ่ายเดียว
Discussion about this post