พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจและตรวจเยี่ยมราชการในพื้นที่จังหวัดสกลนคร ไร้คนต้านมีแต่คนเชียร์ พร้อมเผยได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ดีของพี่น้องชาวสกลนคร และภาครัฐจะได้เข้ามาช่วยเหลือสิ่งที่มีอยู่ของชาวสกลนครในหลายด้าน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
วันที่ 15 มิถุนายน 2565 เวลา 09.45 น.พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ประกอบด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เดินทางไปตรวจเยี่ยม รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร อำเภอพรรณานิม เพื่อดูความก้าวหน้าของการเป็นศูนย์กลางของสมุนไพร โดยมี นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผวจ.สกลนคร นำส่วนราชการและประชาชนให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรียังได้ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงทุกวัย โดยใช้ระบบบริหารจัดการข้อมูลแบบชี้เป้า (TPMAP) และความก้าวหน้าการเป็นศูนย์กลางสมุนไพร ณ โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จ.สกลนคร ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมา จ.สกลนคร มีจำนวนประชากรรวม 1.14 ล้านคน โดยเป็นประชาชนตามเป้าหมาย TPMAP 12,261 คน ลดลงจากปี พ.ศ. 2561 ที่มีจำนวน 22,922 คนส่วนความก้าวหน้าการเป็นศูนย์กลางสมุนไพรนั้น ได้กำหนดเป้าหมายการเป็น “มหานครแห่งพฤกษเวช” ซึ่งเป็น 1 ใน 4 จังหวัด (สกลนคร ปราจีนบุรี สุราษฎร์ธานี และเชียงราย) ที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาให้เป็นจังหวัดต้นแบบด้านการแพทย์แผนไทยและศูนย์กลางสมุนไพรอย่างครบวงจร มีโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นศูนย์กลางในการตรวจวินิจฉัย รักษา ตามหลักแผนไทยและแพทย์แผนประยุกต์ รวมทั้งการผลิต ส่วนการจัดซื้อวัตถุดิบสมุนไพรนั้น มุ่งเน้นจากเกษตรกรในพื้นที่ ทั้งนี้ นายกฯ ได้แนะนำว่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรใหม่ ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์จากกัญชานั้น มีทั้งคุณและโทษ ต้องช่วยกันทำความเข้าใจ ใช้ให้ถูกจุด ใช้ปริมาณที่เหมาะสม เพื่อจะได้รับผลประโยชน์ต่อร่างกาย มากกว่าการได้รับโทษ ซึ่งการนำสมุนไพรพืชเศรษฐกิจมาแปรรูปเพิ่มคุณค่า เป็นยารักษาโรคเป็นสิ่งที่ดี ทั้งต่อเศรษฐกิจและสุขภาพ แต่ต้องควบคุมให้ได้มาตรฐาน
จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมชม “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ดูการพัฒนาสัตว์เศรษฐกิจ 4 ดํา มหัศจรรย์แห่งสกลนคร ซึ่งกำลังมีดำที่ 4 ซึ่งกำลังมีแพะดำที่ 5
คือแพะดำภูพาน ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจของจังหวัด และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมปศุสัตว์มูลค่าสูง เพื่อให้เกษตรกรพึ่งพาตนเอง และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ดำที่ 1.ไก่ดำ เป็นการพัฒนาปรับปรุงคัดเลือกสายพันธุ์ตามที่ตลาดและผู้บริโภค มีเนื้อดำ หนังดำ และกระดูกดำเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตเร็วสามารถฟักไข่และเลี้ยงลูกได้เอง ทนทานต่อโรคระบาดปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ดำที่ 2.หมูดำภูพาน เป็นการพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการเลี้ยงของเกษตรกรตอบสนองต่ออาหารสัตว์ที่มีอยู่ในท้องถิ่นได้ดี ปัจจุบันพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรโดยรู้จักกันในชื่อ “ภูพานคุโรบูตะ” ดำที่ 3.โคดำภูพาน ลักษณะเด่นคือ ไขมันแทรกในมัดกล้ามเนื้อสูง สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ทนทานต่อโรคระบาด และเป็นหนุ่ม เป็นสาวเร็ว ปัจจุบันได้ยกระดับสายเลือดโคพันธุ์วากิว ทาจิมะ สูงถึงร้อยละ 96.09 ซึ่งในทางปรับปรุงพันธุ์ถือเป็นโคสายพันธุ์แท้ (Purebred Wagyu) ส่วนดำที่ 4.กระต่ายดำภูพาน มีลักษณะเด่นคือ การเลี้ยงไม่ยุ่งยาก ใช้พื้นที่เลี้ยงน้อย ทนทานต่อโรคระบาด ตัวใหญ่ให้เนื้อเยอะ อัตราการเจริญเติบโตดี ให้ลูกดกต้น ทุนอาหารต่ำ เนื้อมีโปรตีนสูง รสชาติดี มีไขมันต่ำ
ในตอนบ่าย เวลา 14.00น. นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยี่ยมชมผลการเลี้ยงโคขุนโพนยางคำกลุ่มบ้านท่าเยี่ยม อ.เมือง เพื่อรับฟังแนวทางข้อเสนอแนะของกลุ่มเกษตรกรในการเพิ่มมูลค่าการผลิตโดยให้ส่วนราชการเข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากปัจจุบันมีการแข่งขันการผลิตโคเนื้อค่อนข้างสูง โดยนายกรัฐมนตรีแนะนำปัจจุบันเราต้องค่อยปรับตัว โดยนำสิ่งที่มีอยู่พัฒนาให้ดียิ่งขึ้นและประสานให้ ผวจ.สกลนคร ลงไปดูความต้องการเพิ่มเติมของกลุ่มเกษตรกรว่าส่วนไหนที่ภาครัฐจะเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาพูดคุยกับสื่อมวลชนว่า วันนี้ได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ดีของพี่น้องชาวสกลนคร และรัฐบาลรวมถึงภาครัฐจะได้เข้ามาช่วยเหลือสิ่งที่มีอยู่ของชาวสกลนครในหลายด้าน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันสื่อมวลชนสอบถามความเห็นในเรื่องการเมืองกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีรีบตอบว่าคนละเรื่องกัน ก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถมุ่งหน้าไปวัดป่านาคนิมิต อ.โคกศรีสุพรรณ เพื่อกราบนมัสการหลวงปู่อว้าน เขมโก และไปกราบสักการะองค์พระธาตุเชิงชุมวรวิหาร หลวงพ่อพระองค์แสน วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ.เมือง จ.สกลนคร และเยี่ยมชมร้านค้าผู้ผลิตผ้าย้อมครามสกลผ้าครามเป็นที่หมายสุดท้าย โดยในการมาตรวจเยี่ยมครั้งนี้ นอกจากจะไม่มีผู้มาต่อต้านแล้ว ยังมีคนรักลุงตู่จากหลายจังหวัดเดินทางมาให้กำลังใจ ตะโกนลุงตู้สู้ๆ ลุงตู่อยู่ยาว ทำให้นายกรัฐมนตรียิ้มอย่างอารมณ์ดี
Discussion about this post