ในจังหวัดระยองซึ่งเป็นพื้นที่ๆมีความเจริญระดับต้นๆของประเทศ แต่ยังกลับครอบครัวที่ฐานะยากจนรายได้น้อย ภาครัฐไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแบบเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ทำให้ครอบครัวหญิงสาวกำลังเผชิญมรสุม ทั้งความจนขาดรายได้จุนเจือครอบ ครัว หน้ำซ้ำยังเป็นผู้ป่วยโรคไตสาย ตามองไม่เห็น ใช้ชีวิตรันทดลำบาก มีเพียงลูกสาวคอยดูแลชีวิตไปตามยถากรรม
และในชุมชนแม่น้ำคู้เก่า ม.1 ต.แม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ได้มีครอบ ครัวของนางคมารักษ์ (หรือดิน) แสงอภัย อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 ม.1 ต.แม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ที่อาศัยอยู่บ้านปูนหลังเล็กๆสภาพเก่าในสวนหลังบ้านของพี่สาว พบนางคมารักษ์ (หรือดิน) แสงอภัย นอนอยู่ในเปลผ้าใบเก่าขาดสภาพชำรุด ซึ่งมีลูกสาวชื่อ น.ส.อรุณรุ่ง(หรือปลาย) ทองมูล อายุ 17 ปีและ ด.ญ.ปิ่นกมล (หรือปิ่น) ทองมูล อายุ 9 ขวบ คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ชะตาชีวิตรันทดแม่กลายเป็นคนพิการตัดขา จากโรคเบาหวาน ซึ่งลูกสาวต้องคอยช่วยกันดูแลแบบลุ่มๆดอนๆ แม้จะพยายามเข้มแข็ง แต่ด้วยสภาพที่หนักอึ้ง จึงยากเกินกว่าจะฝ่ามรสุม ทั้งชีวิตเรียนและต้องดูแลแม่ผู้บังเกิดเกล้าใช้ชีวิตจริงดังหนังวัลลี
น.ส.อรุณรุ่ง(หรือปลาย) ทองมูล บุตรสาวคนโตกล่าวว่า ตนเองกำลังศึกษาอยู่โรงเรียนปลวกแดงวิทยาคม ชั้นมัถยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งผลการเรียนเฉลี่ย 4.00 และยังมีความสามารถด้านการร้องเพลงและเคยชนะเลิศร้องเพลงลูกกรุงกับพระราชนิพนธ์ระดับชาติ 2 ปีซ้อนมาแล้ว ทุกวันนี้ชีวิตค่อนข้างลำบากมาก ซึ่งพ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไปและมีรายได้จุน เจือครอบครัวเพียงคนเดียว ตนเองต้องไปอาศัยนอนอยู่บ้านยายเพราะที่บ้านหลังเล็กมีเพียงแต่พ่อแม่และน้องสาวอาศัยอยู่เท่านั้น และบางครั้งต้องขาดเรียนสลับกับน้องสาว เพื่อไปส่งแม่ไปหาหมอหรือฟอกไตที่รพ.ระยอง ต้องนั่งรถไปถึง 50 กิโลเมตรไปกลับต้องใช้เวลาเป็นวัน ซึ่งแม่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งด้านสายตา การเดินเหิน ต้องนั่งรถเข็น และยังต้องช่วยกันเปลี่ยนแพมเพิสเช็ดตัวทำความสะอาด และเป็นห่วงแม่ รักแม่ ไม่ยากทอดทิ้ง กลัวแม่จะเกิดอุบัติเหตุ
นางคมารักษ์ (หรือดิน) แสงอภัย กล่าวย้อนหลังว่าแต่ก่อนได้ใช้ชีวิตอยู่กินกับนายชวลิตร ทองมูล อายุ 49 ปีพ่อของเด็กมีลูกทั้ง 3 คน คนโตเป็นชายมีครอบครัวไปแล้ว ยังเหลือลูกสาว 2 คน ได้อาศัยบ้านหลังเล็กๆของพี่สาวซึ่งอยู่หลังบ้านของแม่เป็นที่พัก ต่อมาปี2546ได้ตรวจพบว่าเป็นโรค ไต เลือดจาง ความดัน เส้นเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน และต้องตัดขาด้านซ้าย ซึ่งใช้ชีวิตลำบากมากจากที่เคยทำงานได้ต้องหยุดหมดเพราะต้องรักษาตัว มีแต่สามีที่หารายได้เป็นรายวันมาจุนเจือครอบครัว เวลาไปรพ.ระยองได้รับความอนุเคราะห์จากทางอบต.แม่น้ำคู้ คอยรับส่งซึ่งต้องไปฟอกไตวันเว้นวันโดยมีลูกสาวหยุดเรียนไปเป็นเพื่อนและเดินเรื่องเอกสารและคอยรับยาที่รพ.
และได้มีทางอบต.แม่น้ำคู้เข้ามามอบถุงยังชีพ ทางสาธารณสุขอำเภอเข้ามาตรวจสุขภาพส่วนทาง พม.จังหวัดระยองเคยเข้ามาสอบถามเรื่องบ้านพักอาศัยแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเป็นบ้านของพี่สาวและเรื่องก็หายเงียบไปและยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือแบบเป็นรูปธรรม และขอขอบคุณนายกฤษดา โชติวานิชกุล นายก อบต.แม่น้ำคู้ ที่ให้ความอนุเคราะห์ช่วยเหลือเรื่องการเดินทางมารักษาที่รพ.ระยอง นอก จากนี้ที่มีคนที่รู้จักยังได้มาแวะเยี่ยม เยียนให้กำลังใจกันบ้างและนำสิ่ง ของมามอบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนก็ขอขอบคุณมา ณโอกาสนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวเสริมอีกว่าความกตัญญูของลูกสาวทั้ง2 คนนั้นเป็นแรงใจสำคัญยิ่งกว่าอื่นใดที่ทำให้ชีวิต นางคมารักษ์ (หรือดิน) แสงอภัย ผู้เป็นแม่ให้ผ่านมรสุมหรือโรคร้ายที่ถาโถมเข้ามาทั้งที่กัดฟันสู้กันอย่างเต็มที่ ให้ชีวิตรอดพ้นจากความเลวร้ายไปได้วันต่อวัน และขอเป็นสะพานบุญ บอกบุญช่วยเหลือครอบครัวนางคมารักษ์ (หรือดิน) แสงอภัย เลขที่บัญชีธนาคาร กรุงเทพ 277-4-87137-6 (ออมทรัพย์)สาขาระยอง หรือติดต่อโทรศัพท์ช่วยเหลือให้กำลังใจได้ที่ เบอร์ 086-797-3370 .
Discussion about this post