วันที่ 29 มิถุนายน 2565 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ต.
ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงาน FTI Expo 2022 โดยมีรัฐมนตรีว่าการการกระทรวงกลาโหม, รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, เลขาธิการ
นายกรัฐมนตรี, เอกอัครราชทูตจากประเทศกัวเตมาลา อินโดนีเซียและบังกลาเทศ ผู้แทนท่าน
ทูตจากประเทศจีน อินเดีย สหรัฐอเมริกา เดนมาร์ก เปรู แคนาดา กัมพูชา ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งงานดังกล่าว มีจนถึงวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ รวม 5 วัน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงาน FTI Expo 2022 ภายใต้แนวคิด Shaping Future Industries for Stronger Thailand ถือเป็นงานระดับประเทศที่ภาคธุรกิจจากหลากหลายสาขาได้มาร่วมแสดงสินค้าและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นโอกาสดีที่ได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ของอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคตเพื่อประเทศที่แข็งแกร่งกว่าเดิม แม้สถานการณ์โควิดได้คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ดีประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลที่ส่งผลให้การพัฒนานวัตกรรมมีความจำเป็นมากขึ้น ตลอดจนแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังถูกหยิบยกเป็นวาระสำคัญของหลายประเทศทั่วโลก
“ประเทศ จำเป็นต้องเตรียมรับมือกับความท้าทายดังกล่าว เพื่อปรับตัวให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ภายใต้บริบทของโลกใหม่ใบเดิมนี้ วันนี้ประเทศเปรียบเสมือนรถยนต์ที่ขับเคลื่อนเดินต่อไปข้างหน้าบนเวทีโลก หลังจากจอดมากว่า 2 ปี โดยกำหนดแนวทาง เพื่อให้รถยนต์คันนี้สามารถพลิกโฉมไปสู่การเปลี่ยนแปลง ช่วงแรกต้องรีสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อรีสตาร์ทประเทศไทยให้ฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุด
เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติดแล้ว สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ คือ การเร่งเครื่องยนต์ โดยการการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศทั้งในมิติด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การจัดงานดังกล่าวป็น
ความร่วมมือกันระหว่างองค์กรชั้นนำ สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจในการทำงานระหว่างภาครัฐภาคเอกชนที่มีบทบาทสำคัญ ที่ช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รถยนต์คันนี้ จะกลายเป็นยานยนต์แห่งอนาคตที่สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างเต็มกำลัง จากความสามัคคีของคนไทยด้วยกัน และผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า เราทำได้อย่างแน่อน หากเราทุกคนจับมือแล้วก้าวไปพร้อมกันภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในครั้งนี้จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยสู่อนาคตที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าว
ว่า ขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ และรัฐมนตรี ที่มาร่วม
เปิดงานดังกล่าว ประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมากมาย ส.อ.ท. จึงมุ่งขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้นโยบายการหลอมรวมทุกภาคส่วนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน (ONE FTI) โดยทุกภาคส่วนจะร่วมกันทำงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทยเพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม (Strengthen Thai Industries for Stronger Thailand) โดยอาศัยยุทธศาสตร์ 4 ข้อ ประกอบด้วย
1) Industry Collaboration ผนึกกำลังอุตสาหกรรมไทยให้เข้มแข็ง ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมและสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ในลักษณะ 1 อุตสาหกรรม 1 จังหวัด 2) First 2 Next-Gen Industry ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต ภายใต้อุตสาหกรรมเดิมและอุตสาหกรรมใหม่ซึ่งประกอบด้วย 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curves) ตามนโยบายรัฐ อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนนโยบาย BCG หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ 3) Smart SMEs ยกระดับ SMEs สู่สากล โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนา SMEs ในด้าน 1) Go Digital การนำดิจิทัลมาช่วยยกระดับศักยภาพทางธุรกิจ 2) Go Innovation การส่งเสริมให้ SMEs เข้าถึงนวัตกรรมและงานวิจัยมากขึ้น 3) Go Global การสร้างและขยายโอกาสในตลาดต่างประเทศผ่านสภาธุรกิจต่าง ๆ และ 4) Smart Service Platform การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยยกระดับการให้บริการ
“งาน FTI Expo 2022 นับเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของภาคอุตสาหกรรมไทยและองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคการศึกษา ทั้งด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรม การค้าและการท่องเที่ยว เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน มีผู้สนใจมาร่วมออกบูธนิทรรศการแสดงผลงานกว่า 340 บูธ บนพื้นที่จัดงานกว่า 30,000 ตารางเมตร เพื่อแสดงศักยภาพ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปกติใหม่ (New Normal) รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั่วโลกเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนของภาคธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแสดงศักยภาพและยกระดับความก้าวหน้าของภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในระดับประเทศภายใต้แนวคิด BCG Economy Model ซึ่งจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต รวมทั้งเพื่อสร้างโอกาสในการขยายช่องทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ไทย การค้าการลงทุนให้เชื่อมโยงสู่ระดับสากลอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเพื่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกภาคส่วนของประเทศให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้แบบ Next Normal คาดว่าสร้างโอกาสทางการค้าและเกิดเงินทุนหมุนเวียน ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท” นายเกรียงไกร กล่าว
/////////
Discussion about this post