ที่ห้องประชุมปีบทอง คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะ เกษ (มรภ.ศรีสะเกษ) อ.เมือง จ.ศรีสะ เกษ นายนพ พงศ์ผลาดิสัย รอง ผวจ. ศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมวิชาการ โครงการความรู้สู่ประชาชน “พ้อกันวันกระดูกและข้อ” โดย สมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประ เทศไทย ร่วมกับ โรงพยาบาลศรีสะ เกษ ร่วมกันจัดขึ้น โดยมี นพ.ชลวิทย์ หลาวทอง ผอ.รพ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย รศ.ดร.ประกาศิต อานุภาพแสน ยากร อธิการบดี มรภ.ศรีสะเกษ พล.ต.รศ.นพ.ทิพชาติ บุณยรัตพันธุ์ นายกสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประ เทศไทย น.ต.นพ.ธนัตถ์ วัลลีนุกุล อุปนายกสมาคมฯ ฝ่ายบริหาร คณะแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จากโรงพยา บาลศรีสะเกษ โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล รวมทั้งภาคประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมด้วยจำนวนกว่า 100 คน
นพ.ชลวิทย์ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้ด้านโรคทางออร์โธปิดิกส์ ในกลุ่มประชาชนและกลุ่มบุคลา กรด้านสาธารณสุข ซึ่งการจัดการประชุมในครั้งนี้เกิดจากการที่โรงพยา บาลศรีสะเกษ ร่วมกับ สมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย ได้เล็งเห็นความสำคัญในการสูญเสียทางเศรษฐกิจ สังคม และการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุนและโรคข้อเสื่อม หรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรค โดยผู้ป่วยที่มีกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนพบว่า มีคุณภาพชีวิตที่ลดลง และมีอายุสั้นกว่าผู้สูงอายุที่อายุเท่ากัน และจากข้อมูลภาวะแทรกซ้อนภายหลังกระดูกสะโพกหักจากโรคกระดูกพรุน พบว่าร้อยละ 14.7 ของผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักจากโรคกระดูกพรุนเสียชีวิตภายใน 6 เดือน และพบว่าภายหลังรักษา 6 เดือน ประมาณครึ่งหนึ่งสามารถเดินได้เอง นอกนั้นต้องใช้เครื่องช่วยเดินหรือนอนติดเตียง
ส่วนโรคข้อเสื่อม เป็นภาวะที่พบได้บ่อย พบมากในข้อใหญ่ๆ และข้อที่รองรับน้ำหนัก ส่วนมากมักเกิดในข้อเข่า เกิดจากการที่ข้อต่อต้องเคลื่อน ไหวและรับน้ำหนักต่อเนื่องสะสมเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดการสึกหรอของกระดูกอ่อนผิวข้อ มีอาการข้ออักเสบ บวม แดง ร้อน เจ็บข้อ และเคลื่อนไหวติดขัด ตามระดับความรุนแรงของโรค แต่ปัจจุบันพบโรคข้อเข่าเสื่อมในคนที่อายุน้อยลง ซึ่งคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยได้
ดังนั้น โรงพยาบาลศรีสะเกษ จึงได้ร่วมกับ สมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประ เทศไทย จัดการอบรมเพื่อให้กลุ่มประชาชนมีความรู้เพื่อป้องกันดูแลตนเองได้ถูกต้อง และบุคลากรด้านสาธารณสุข ได้รับการพัฒนาด้านความรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อจะสามารถดูแลผู้ป่วยได้ถูกต้องและก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ป่วยให้มากที่สุด ส่งเสริมให้เกิดมาตรฐานทางด้านการรักษาพยาบาล และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเกิดโรค ตลอดจนวิธีป้องกันไม่ให้เกิดโรคแก่ประชาชนทั่วไป อันจะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของภารกิจหลัก ที่จะสร้างองค์กรเป็นโรงพยาบาลตติยภูมิขั้นสูงที่ได้มาตรฐาน เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน สมดังวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลที่ได้ตั้งไว้ด้วย
ด้าน พล.ต.รศ.นพ.ทิพชาติ บุณยรัตพันธุ์ นายกสมาคมออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า สัดส่วนของประชากรเด็ก ประชากรวัยทำงาน และผู้สูงอายุ มีการเปลี่ยนแปลง ในปี พ.ศ. 2564 สัดส่วนของประชากรวัยเด็กจะลดลงเหลือเพียงร้อยละ 18.4 วัยทำงานคิดเป็นร้อยละ 64.12 และวัยชราจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 18.24 ของประชากรทั้งหมด โดยภายในเวลา 10 ปี สัด ส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12.68 เป็นร้อยละ 18.24 และแนวโน้มนี้จะเพิ่มขึ้นตามลำดับในอนาคตจากอายุที่ยืนขึ้น สิ่งที่ตามมาคือโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะโรคกระดูกพรุนและข้อเสื่อม ซึ่งเป็นภัยเงียบและพบมากในผู้สูงอายุ ทำให้โรคกระดูกพรุนและข้อเสื่อมจะเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยในอนาคต เนื่องจากผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าในอีก 50 ปีข้างหน้า อุบัติการณ์ของกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าของปัจจุบัน ซึ่งวิธีการรักษาในปัจจุบันมีผลเพียงแค่หยุดยั้งการสูญเสียมวลกระดูก รักษาอาการกระดูกหัก และรักษาอาการข้อเสื่อมเท่านั้น หากประชาชนสามารถรู้วิธีในการป้องกันและชะลอภาวะกระดูกพรุนและภาวะข้อเสื่อม รวมทั้งบุคลากรสาธารณสุขมีความรู้ในการดูผู้ป่วยกลุ่มนี้จะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนที่ดีขึ้น.
Discussion about this post