เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 30 ก.ค.65 ที่สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายสุริยา ศักดารัตน์ อายุ 55 ปี เจ้า ของร้านดีแก๊สด่วน พร้อมนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสภ.ปากเกร็ด หลังพนัก งานสอบสวนได้มีการเชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้ามาพูดคุยกันก่อนในเบื้องต้น จากเหตุการณ์ที่นายสุริยา ขับรถส่งแก๊ซหุงต้มมากับลูกสาวอายุ 4 ขวบ บนถนนติวานนท์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และถูกรถคู่กรณีซึ่งขับรถกระบะตู้ทึบขับปาดหน้ากันไปมา ก่อนจะขับไล่ตามไปถึงที่บริเวณหน้าบ้านของนายสุริยา และวิ่งลงจากรถเข้ามาเหมือนจะเข้ามาทำร้ายจนนายสุริยาต้องนำอาวุธปืนออกมาถือขู่ทำให้กลุ่มคู่กรณีรีบวิ่งหนีกลับไปขึ้นรถขับหลบหนีไป จึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 15 ก.ค.65 ที่ผ่านมาแต่คดีไม่คืบ หลังทั้ง 2 ฝ่ายเข้าพูดคุยเจรจานานกว่า 1 ชม.แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหากับนายสุริยา ในข้อหา ทะเลาะวิวาท,พกพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนายปริญญา นามสมมุติ หนึ่งในคู่กรณีถูกแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาท,ทะเลาะวิวาท
นายปริญญา กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนนั่งรถกระบะกันมา 3 คน เพื่อไปซื้อแอร์ไปติดตั้งให้กับลูกค้า โดยมีหัวหน้างานเป็นคนขับรถ ส่วนตนกับน้องผู้ชายอายุ 15 ปีนั่งอยู่ในรถ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ จีพีเอสได้บอกให้เลี้ยวรถตรงยูเทิร์นแต่ตนจำได้ว่าให้ตรงไปก็จะถึงบ้านลูกค้า พี่หัวหน้างานจึงหันหัวรถกลับกระทันหันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถของนายสุริยาขับมาพอดี จึงเหมือนรถของตนขับปาดหน้า ทำให้นายสุริยาไม่พอใจขับรถมาแซงก่อนขับปาดหน้ารถอย่างกระชั้นชิด จึงได้ขับไล่ตามไปเพื่อจะขอโทษจนเมื่อรถของนายสุริยาหยุดตนกับน้องอายุ 15 ปี ได้วิ่งลงจากรถวิ่งเข้าไปหานายสุริยา แต่เห็นว่านายสุริยาได้ชักอาวุธปืนออกมาถือไว้จึงรีบวิ่งกลับขึ้นรถ ก่อนเข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้นัดให้มาพูดคุยไกล่เกลี่ยกัน โดยตนเดินทางมากับแม่ของน้องอายุ 15 ปี เพราะน้องติดไปโรงเรียน ส่วนหัวหน้างานที่เป็นคนขับรถติดโควิด-19 ยังรักษาตัวอยู่ไม่สามารถเดินทางมาได้ ซึ่งพวกตนจะยอมชดใช้เงินค่าเสียหายให้กับสุริยาจำนวน 10,000 บาทแต่นายสุริยาไม่ยอมจะเอาเงิน 50,000 บาท พวกตนไม่มีจึงไม่สามารถตกลงกันได้ก็ต้องปล่อยให้เป็นตามกระบวนการของกฎหมาย
ด้านนายสุริยา กล่าวว่าวันนี้ที่ได้พูดคุยกับคู่กรณีก็รู้สึกไม่พอใจ เพราะว่าวันเกิดเหตุเข้ามากัน 3 คน แต่วันนี้มีแค่นายปริญญาเดินทางมาพูดคุยแค่คนเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นแม่ของน้องอายุ 15 ปีที่เดินทางมาแทน เขาบอกว่าวันเกิดเหตุที่ต้องขับรถไล่กวดรถตนมาเพื่อจะมาขอโทษนั้นใครฟังเขาจะเชื่อ วันนั้นถ้าลูกชายตนไม่หยิบปืนออกมาจากในบ้านมาให้กับตนถือไว้ตนคงโดนรุมทำร้ายร่างกายไปแล้ว และขณะเกิดเหตุที่ตนขับรถหนีพวกเขาก็ได้ขับรถไปชนกับรถกระบะคันหนึ่งจนได้รับความเสียหายซึ่งตนก็ต้องเป็นฝ่ายซ่อมรถให้กับเขาด้วย วันนี้จึงได้เรียกค่าเสียหายไป 50,000 บาท แต่ทางคู่กรณียอมชดใช้ให้แค่ 10,000 บาทจึงไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นตนก็ไม่เข้าใจว่าตนเป็นผู้ถูกกระทำแต่กลับโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาไปด้วย หลังจากนี้จะให้ทนายยื่นฟ้องต่อศาลเรียกค่าเสียหายทางแพ่งต่อไป.
Discussion about this post