วันที่ 4 สค.65 ผู้สื่อข่าวจังหวัดปราจีนบุรีได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก นส.อรวรรณ บัวจันทร์ อายุ 22 ปี อยู่หมู่ที่ 4 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี นส.อรวรรณ กล่าวว่าเมื่อค่ำวันที่ 31กค.ขณะที่ตนเองกำลังนั่งให้นมลูกชายวัยขวบเศษอยู่ภายในบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น จู่ๆไฟ 2 ดวงที่เปิดไว้ภายในห้องดับทยอยดับทีละดวงจึงเงยหน้าขึ้นมองทันใดนั้นตัวเองถูกล็อคคอทางด้านหลัง จึงรู้ว่ามีคนร้ายบุกเข้ามาภายในบ้านและคนร้ายเข้ามาล็อคคอตัวเองทางด้านหลังพูดข่มขู่ว่า “อย่าเสียงดังไม่งั้นจะฆ่าให้ตาย”
ขณะนั้นคนร้ายได้ลากตัวเองมาที่ประตูแล้วกดหน้าใส่ตระกล้าผ้าตนเองพยายามดิ้นรนต่อสู้ขัดขืน คนร้ายยิ่งออกแรงปิดปากปิดจมูกแรงขึ้นแล้วลากออกมาด้านนอกแล้วถูกผลักให้นอนหงาย จีงต่อสู้ขัดขืนเพราะได้ยินเสียงลูกน้อยส่งเสียงร้องไห้จ้าอยู่ด้านใน ยิ่งต่อสู้คนร้ายยิ่งออกแรงบีบคอมากขึ้นจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว
จึงรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่และเบี่ยงตัวออกห่าง จากนั้นใช้มือหยิกที่บริเวณปากและจมูกของคนร้าย และใช้เท้าเตะผ่าหมากของคนร้ายอย่างแรงและคิดในใจว่า”กูจะตายไม่ได้กูจะสู้เพื่อลูกกู”คนร้ายได้รับบาดเจ็บโดดหน้าต่างหนีไป ขณะเกิดเหตุตนจำเสียงของคนร้ายได้และรู้จักชื่อด้วยว่าเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน
ตนเองนอนหอบอยู่กับพื้นแล้วพยุงร่างเดินมาเปิดประตูร้องบอกลุงข้างบ้าน”ลุงช่วยหนูด้วยมีคนบุกเข้ามาในบ้านบีบคอจะฆ่าหนู” ลุงแดงข้างบ้านจึงตะโกนถามมาว่า “มึงเป็นไรวะ”แล้วเปิดหน้าต่างกับส่องไฟฉายมาที่บ้านของตนเอง และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังจึงรีบมาที่บ้านแล้วโทรหานางสมัย เหล็กสี แม่ของ นส.อรวรรณ และไปแจ้งความกับ ร.ต.ท.วิโรจน์ เผือดจันทร์ทึก ร้อยเวรสอบสวน สภ.วังตะเคียนแล้วแต่คดีไม่คืบหน้า
นางสมัย เหล็กสี แม่ของ นส.อรวรรณ กล่าวว่าหนึ่งทุ่มบอกลูกสาวว่าจะไปนอนค้างบ้านเพื่อนเพราะเพื่อนสาวกลับจากทำงานต่างจังหวัดจะไปคุยด้วยสักคืนตามประสาเพื่อนรัก ระหว่างทางได้พบกับนาย (ป) นั่งกินเหล้ากับเพื่อนๆอยู่หน้าบ้านและร้องถามว่าจะไปไหนตนบอกจะไปนอนบ้านเพื่อนแล้วขับรถออกไป อึดใจต่อมานาย (ป)ขอตัวกลับบ้านเพื่อนๆได้ยินเสียงหมาเห่ามาทางบ้านที่เกิดเหตุแทนที่จะไปบ้านของนาย (ป)แต่ไม่ได้เอะใจอะไรจึงนั่งกินเหล้ากันต่อและทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ปกติอยู่บ้านกับลูกสาวและลูกเขยสามคนลูกเขยได้ทำงานในตัวอำเภอนานๆจะกลับบ้านครั้งหนึ่ง
ลุงแดง บ้านที่อยู่ติดกันขอไม่ให้เปิดเผยตัวตนและไม่ให้เปิดเผยใบหน้าให้สำภาษณ์เกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุจึงออกมาช่วยหลานสาวจึงไม่ขอพูดอะไรทั้งนั้น เท่าที่หลานบอกว่าผู้ต้องสงสัยนามสกุลเดียวกับผู้นำลำดับที่สองประเทศ
ข่าวคืบหน้ากรณีนางสาวอรพรรณ บัวจันทร์ ถูกคนคนร้ายไม่ทราบชื่อบุกเข้าไปบีบคอและใช้กำลังทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและฮึดสู้เพื่อลูกวัยขวบเศษ ใช้มือหยิกพี่บริเวณปากและจมูกของคนร้ายและใช้เท้าเตะผ่าหมากทำให้คนร้ายกระโดดหนีออกทางหน้าต่างแล้วขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน และได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.วังตะเคียน ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ล่าสุดช่วงสายที่ผ่านมาแม่ของฝ่ายชาย (นายแป๊ะ)ผู้ก่อเหตุได้เดินทางมายังที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 เพื่อที่จะให้ผู้ใหญ่ไกล่เกลี่ยยอมกันที่ผ่านมาเป็นคนเก่าคนแก่ในหมู่บ้านนี้ นายพชร การไชยแสง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเพื่อยอมความทั้งสองฝ่ายโดยแม่ของผู้ก่อเหตุบอกว่าลูกชายบอกกับตนว่าได้ก่อเหตุจริงด้วยความเมา ทันทีที่พ่อรู้เรื่องที่ลูกชายไปก่อเหตุจึงลูกชายกลัวพ่อจะจะทำร้ายจึงหนีออกจากบ้านไป
ป้าไสว วงษ์สุวรรณ แม่ของผู้ก่อเหตุกล่าวว่าลูกชายยอมรับผิดและยอมขอโทษตนเองจึงดุด่าลูกชายและลูกชายกลัวพ่อจะตีจึงหนีออกจากบ้าน ในฐานะที่เป็นแม่จึงอยากมาขอขมาลาโทษต่อหน้าผู้ใหญ่บ้านและยอมทำขวัญแก่ผู้เสียหายจำนวนเงิน30,000 บาท และจะทำพิธีขอขมาและผูกแขนเรียกขวัญแก่ผู้เสียหายอีกด้วย หลังจากตกลงต่อหน้าผู้ใหญ่บ้านแล้วจึงพากันเดินทางไปยังบ้านผู้เสียหายเพื่อขอขมาและผูกข้อมือเรียกขวัญผู้เสียหายให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวโดยมีญาติผู้ใหญ่และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านร่วมพิธีผูกข้อมือแบบชาวบ้านซึ่งทุกอย่างจบลงด้วยดีและจะไปถอนการลงบันทึกประจำวันที่ สภ.
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามร้อยเวรสอบสวนทราบว่าหลังเกิดเหตุได้ให้ตำรวจออกไปหาข้อมูลหลักฐาน และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานรวมถึงรอใบรับรองแพทย์จากทางโรงพยาบาลแพทย์ระบุว่าผู้ได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน เหตุการณ์ดังกล่าวทั้งสองฝ่ายอาจตกลงยอมความกันได้หากไม่ติดใจเอาความ
Discussion about this post