
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 เวลา 19.00 น. พ.ต.อ.ชาตรี หทยะวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองน่าน , พ.ต.ท.จักรพงษ์ วงค์ไชย รอง ผกก.สส.สภ.เมืองน่าน , ร.ต.อ.อนุรักษ์ ขันแก้ว รอง สว.สส.สภ.เมืองน่าน จนท.ตร.ชุดสืบสวนสภ.เมืองน่าน จำนวนหนึ่งได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสุรเชษฐ์ พงศ์ศิริเสรี อายุ 28 ปี ที่อยู่ 197 ม.9 ต.น้ำพาง อ.แม่จริม จ.น่าน โดยแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่า ตามหมายจับศาลจังหวัดน่าน ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้าหรือรับของโจร” และ ตามหมายจับศาลจังหวัดน่าน ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้าหรือรับของโจร”
หลังจากที่ จนท.ตร.ชุดจับกุุม ได้ประสาน พ.ต.ท.พรเทพ ป่าหวาย สว.สส.สภ.แม่จริม พร้อมจนท.ตร.ชุดสืบสวน สภ.แม่จริม สนธิกำลังบุกรวบตัว นายสุรเชษฐ์ พงษ์ศิริเสรี อายุ 28 ปี โจรขมังเวชแขวนพระทั้งตลับ ขณะนอนสบายใจอยู่ที่เปลแขวนกับต้นลำใยหลังบ้านเลขที่ 197 หมู่ที่ 9 ตำบลน้ำพาง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน ตามหมายจับของศาลจังหวัดน่าน 2 หมายจับคดีดังกล่าว
หลังจากได้ก่อเหตุเดินตระเวนกลางดึกแล้วปีนเข้าช่องลม ลงช่องลิฟต์ส่งอาหาร แล้วเข้ามารื้อค้นขโมยเอาทรัพย์สินในร้านกาแฟร้าน เครื่องเงินชมพูภูคา ตำบลไชยสถาน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือ เงินสดประมาณ 3,000 บาท พร้อมขนมที่อยู่ในตู้ และนำยางรถยนต์มาวางซ้อนกันปีเข้าฝ้าร้านกาแฟอีกร้านอยู่ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร ขโมยทรัพย์สินเป็น โน๊ตบุ๊กพร้อมเงินสดจำนวนหนึ่ง
จากนั้นได้เดินหลบหนี้ไป แล้วไปแวะซื้อบุหรี่ที่ ร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง สาขาปางค่า ตำบลไชยสถาน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน แต่เนื่องจากร้านดังกล่าวไม่ยินยอมให้เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายได้ชัดเจนที่สุด อ้างว่าผิด พรบ.ข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุล่าช้า
ในวันเกิดเหตุกล้องวงจรปิดภายในร้านกาแฟสามารถบันทึกเหตุการณ์และพฤติกรรมของคนร้ายได้โดยได้เข้ามาทางช่องลิฟต์ส่งของที่มีขนาดความกว้างประมาณ 1×1 เมตร แล้วเข้ามาหยิบโทรศัพท์มือถือใส่ในกระเป๋ากางเกง จากนั้นได้รื้อค้นลิ้นชักจนเจอกุญแจเปิดลิ้นชักเก็บเงินแล้วไขกุญแจกวาดเงินในลิ้นชักเด็บเงินไปทั้งหมด

ด้านนายสุรเชษฐ์ ยอมรับว่าได้ก่อเหตุทั้ง 2 ร้าน จริงตามกล้องวงจรปิดของร้าน พร้อมเล่าว่า ตนได้เดินทางมาจากอำเภอแม่จริมเพื่อเข้ามาหางานทำที่อำเภอเมืองน่าน แต่ไม่มีงานทำ ตนจึงตระเวนขโมยของ จากนั้นได้หลบหนีกลับไปพักที่บ้านเกิดที่อำเภอแม่จริม เพราะไม่คิดว่าตำรวจ จะตามเจอเพราะตนได้ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อปิดบังใบหน้า ใส่หมวกไหมพรมเพื่ออำพราง รวมทั้งใส่ถุงมือเพื่อป่องกันลายนิ้วมือแฝง เมื่อถามว่าทำไมถึงห้อยพระทั้งตลับ นายสุรเชษฐ์บอกว่า จะได้ขลังเพราะตอนปลุกเสกพระเกจิอาจารย์ปลุกเสกพระทั้งตลับจึงต้องห้อยทั้งตลับ ก่อนเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ดังกล่าว ส่วนทรัพย์สินที่ นายสุรเชษฐ์ได้ไปนั้น อ้างว่าเงินสดได้ใช้หมดแล้ว ส่วนโทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ค และเสื้อผ้าที่ใช้ในวันก่อเหตุได้โยนทิ้งไปแล้วจำไม่ได้ว่าตรงไหน
ทั้งนี้ จนท.ตร.ชุดจับกุม ได้เกาะรอยจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่อำเภอเมืองน่าน อยู่หลายวัน เนื่องจากคนร้ายได้อำพรางตัวเองและใส่ถุงมือกันลายนิ้วมือติด แต่เจ้าหน้าที่สังเกตพบว่าคนร้ายมีรอยสักอยู่ที่แขนด้านซ้าย จนทำให้ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายสุรเชษฐ์ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ จนสามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ต่อไป
@@@@@@@@@
ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น
Discussion about this post