
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บ้านไทยเจริญ หมู่ 7 ต.โพนแพง อ.ธาตุพนม จ.นครพนมเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีบรรดาญาติพี่น้อง มาเตรียมงาน จัดสถานที่ เพื่อรอรับศพ สิบตรี วัชระ หรือ สห.เกิ้ล อายุ 29 ปี เหยื่อรุ่นพี่ สห.ปืนโหด ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิง เสียชีวิต ขณะเข้าเวรรักษาการตู้ยาม เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 18 ส.ค.65 ผู้ก่อเหตุคือ สิบโทมานิตย์ หรือ สห.วิทย์ อายุ 33 ปี เป็นรุ่นพี่คนสนิทที่ทำงานในหน่วยเดียวกัน ซึ่งได้เข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหา ที่ สภ.เมืองนครพนม เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยสารภาพอ้างเหตุต้องยิงเพราะไม่เคารพรุ่นพี่ และทำไปด้วยความแค้นส่วนตัวมานาน บวกกับความเครียด อ้างไม่มีการวางแผนมาก่อน ประจวบเหมาะเจอผู้ตายยืนเข้าเวร และทำสีหน้าไม่พอใจกัน จึงชักปืนยิงด้วยความโมโห ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมก่อนคุมตัวส่งศาลมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาร่างของสิบตรีวัชระ หลังจากได้นำส่งไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวทย์ขอนแก่น เพื่อประกอบสำนวนคดี เดินทางมาถึงบ้านที่ โดยทางเจ้าหน้าที่ จากมลฑลทหารบกที่ 210 เพื่อนร่วมงาน มาเตรียมจัดสถานที่ ตกแต่ง อย่างสมเกียรติ ก่อนนำร่าง บรรจุใส่โลงเย็นเพื่อทำพิธีทางศาสนาโดยจะทำการฌาปนกิจในวันอังคารที่จะถึงนี้.

ต่อมาเวลา 15.00 น.ที่บ้านไทยเจริญ หมู่ 7 ต.โพนแพง อ.ธาตุ พนม จ.นครพนม พล.ต.สถาพร บุญชู ผบ.มทบ.210 เป็นประธานพิธีรดน้ำศพ และพิธีไหว้ศพ ส.ต. วัชระ พลสารวัตร มว.สห.ร้อย. สห.มทบ.210 กำลังพลผู้เสียชีวิต โดยมี นางจีระนุช บุญชู ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มทบ.210 คณะผู้บังคับบัญชา นายทหาร นายสิบ พร้อมด้วย ครอบครัว ญาติ พี่น้อง ของกำลังพลผู้เสียชีวิต ร่วมรดน้ำศพ และไหว้ศพ ณ บ้านเลขที่ 245 หมู่7 ต.โพนแพง อ.ธาตุพนม จังหวัดนครพนมพร้อมมอบเงินร่วมทำบุญให้แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพื่อเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจท่ามกลางความเศร้าเสียใจของญาติ ๆ ผู้เสียชีวิต
นางสาวสกาวเดือน ภรรยาของพลสารวัตรทหารวัชระ อินาลา ผู้ถูกยิงเสียชีวิต กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าหลังเกิดเหตุสามีถูกยิงเสียชีวิต ก็ขาดเสาหลักของครอบครัวไปทันทีเงินช่วยเหลือและคิดว่าจะได้รับก็คงจะเป็นส่วนของเงินที่สามีได้ทำไว้ตามสิทธิ์ที่ควรจะได้ตามระบบ ซึ่งตนคิดว่ามันไม่คุ้มกับชีวิตของสามีที่เสียไป แต่สิ่งที่ตนกังวลและอยากเรียกร้องกับหน่วยเหนือคือเรื่องการดูแลบุตร ซึ่งยังเล็กมากอยากจะให้หน่วยเหนือพิจารณาช่วยเหลือส่งเสียบุตรให้จบปริญญาตรี เนื่องจากตนถือว่าพ่อของเด็กเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ เป็นการตายคาเครื่องแบบทหาร จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยเหนือพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่บุตรด้วย
ส่วนบรรยากาศในงานศพเป็นไปอย่างโศกเศร้า ไปไปอย่างเรียบง่าย มีเพื่อนทหารและผู้บังคับบัญชามาร่วมงาน และแสดงความเสียใจกับญาติๆผู้เสียชีวิต ตลอดเวลา โดยจะมีการตั้งศพบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา สองวันและจะมีกำหนดการฌาปนกิจศพในวันอังคารที่ 23 ส.ค.65 ณ วัดมเหศักดิ์ ต.โพนแพง อ.ธาตุพนม จังหวัดนครพนม.
Discussion about this post