จากกรณี เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 เกิดเหตุเรือลากจูง พร้อมด้วยเรือลำเลียงจำนวนทั้งสิ้น 4 ลำ กระแทกเบียดซนเข้ากับตอม่อของสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลเกาะเรียน อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และกรณี วันอาทิตย์ ที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา เรือลากจูง ขณะกำลังลากจูงเรือพ่วงสินค้า บริเวณหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร แล้วเกิดเสียหลักเกือบพุ่งเข้าชนแพให้อาหารปลาหน้าวัด ซึ่งมีนักท่องเที่ยวยืนอยู่บนแพ และมีเรือส่วนหนึ่ง เสียหลักเฉี่ยวโดนแพ ร้านอาหารฝั่งป้อมเพชร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 30 สิงหาคม 2565 ที่ ห้องประชุม สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขา พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ( ด้านปฎิบัติการ ) เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำ โดยมีนาย นาวาโท รัชตะ ผกาฟุ้ง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 2 นาย พีรธร นาคสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา นายวรเทพ สุวจนกร ตัวแทน สมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำ และผู้ประกอบการเข้าร่วม
เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการขนส่งทางน้ำ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตและอาจเกิดขึ้นลักษณะคล้ายคลึงกันในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อม กรมเจ้าทำ โดยสำนักงานเจ้าทำภูมิภาคสาขาอยุธยา จึงเรียกหน่วยงาน รวมถึงผู้ที่เกี่ยวเข้าร่วมประชุมในวันนี้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ( ด้านปฎิบัติการ ) เปิดเผยหลังจากการประชุมว่า วันนี้เรามาประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางการแก้ไข และร่วมมือกัน เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงฤดูน้ำหลาก กระแสน้ำแรง ปริมาณน้ำสูง ส่งผลให้มีผลกระทบกับเรือลากจูง ซึ่งเตรียมจะยกระดับมาตรฐานของคนขับเรือลากจูง เพิ่มทักษะให้สูงขึ้น จากมาตราฐานที่มีอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาในช่วงฤดูน้ำหลาก ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว ในส่วนอื่นๆมีการเตรียมปรับปรุงพื้นที่ในบางจุดที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะมีการหารือในพื้นที่อีกครั้ง ทั้งนี้กรมเจ้าท่า จะมีการออกหนังสือ แจ้งเตือนเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นแนวทางสำหรับผู้ขับขี่เรือลากจูง และผู้ปฎิงานบนเรือลำเลียง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นมา โดยเตรียมยกระดับมาตราฐานผู้ขับขี่เรือลากจูงในอนาคต
ด้าน นายวรเทพ สุวจนกร ตัวแทน สมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำ กล่าวว่า ทางกรมเจ้าท่าได้ออกมาตรการมาควบคุมการเดินเรืออยู่แล้ว ซึ่งทางสมาคมก็มีการประสานกับกรมเจ้าท่ามาตลอด แต่เนื่องด้วยสภาพสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนแปลงทุกวัน กระแสน้ำ ไม่เหมือนเดิมทุกวัน เราใช้ผู้ควบคุมดูแลเรือก็เป็นผู้ที่มีความสามารถสูง อยู่แล้วแต่ด้วยสภาพแวดล้อม ก็อาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้บ้าง แต่เราปฎิบัติตามมาตราฐานของกรมเจ้าท่า ที่ประกาศออกมาใหม่ให้เรือลำเลียง ในการลากจูงเหลือเพียง 3 ลำ ตอนนี้ทางสมาคมก็จะนำไปประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกทราบและปฎิบัติตามระเบียบของกรมเจ้าท่า ทั้งนี้เรามีการแจ้งเตือนตั้งแต่น้ำเพิ่มระดับการระบายเพิ่ม ว่าเริ่มมีความเสี่ยงแล้ว มาตราการปกติก็จะมีการเพิ่มเรือยนต์เข้ามา และในช่วงที่ผ่านกระแสน้ำแรงก็จะให้คนเรือสวมใส่เสื้อชูชีพทุกคน และส่วนใหญ่จะลากเรือในตอนกลางวัน งดช่วงกลางคืนเพราะอาจมองไม่เห็นกระแสน้ำวนที่อยู่ตรงกลางระหว่างแม่น้ำป่าสักกับแม่น้ำเจ้าพระยา
Discussion about this post