ดีป้า จับมือ ฟู้ด ออเดอรี่ เปิดตัว ‘eatsHUB’ แพลตฟอร์มเรียกรับส่งอาหารสัญชาติไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ให้สามารถแข่งขันได้ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการจำหน่ายอาหารมากขึ้น ลงพื้นที่หัว 5 หัวเมืองทุกภาคทั่วไทย นำร่อง “พิษณุโลก” ตั้งเป้าสิ้นปีขยายให้ครบ 17 จังหวัด
วันที่ 31 สิงหาคม 2565 ที่ ลาน กิจกรรม ชั้นที่ 1 เซ็นทรัล พิษณุ โลก กระทรวงดิจิทัล(ดีป้า) ร่วมกับ ฟู้ด ออเดอรี่ จัดกิจกรรมสร้างการรับรู้และเข้าถึง eatsHUB แพลตฟอร์มเรียกรับส่งอาหารสัญชาติไทย เพื่อสนับสนุนผู้ประ กอบการร้านอาหารขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยในยุคดิจิทัล ช่วยลดต้นทุน เพิ่มยอดขาย ด้วยจุดเด่นเก็บค่า GP ต่ำ 8-10% พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้งานและเสริมทักษะด้านการใช้เทคโนโลยี สาธิตการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ตลอดจนส่งเสริมและประชาสัมพันธ์แพลต ฟอร์มสู่กลุ่มเป้าหมาย 5 ภูมิภาค นำร่องที่ จ.พิษณุโลก จัดเต็มด้วยสุดยอดกิจกรรม Workshop พัฒนาความรู้ให้ผู้ประกอบการ โดยวิทยากรระดับประเทศ พร้อมด้วยกิจกรรม มินิคอนเสิร์ต ก้อง ห้วยไร่ กิจกรรมแนะนำร้านเด็ด และกิจกรรมแจกของรางวัลคับคั่ง
ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ กลุ่มงานส่งเสริมระบบนิเวศเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า เปิดเผยว่า ดีป้า ได้ร่วมมือกับ บริษัท ฟู้ด ออเดอรี่ จำกัด ดำเนินโครงการ National Delivery Platform โดยการพัฒนา eats HUB แพลตฟอร์มเรียกรับส่งอาหารสัญชาติไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหาร พนัก งานรับส่งอาหาร (ไรเดอร์) รวมถึงผู้สนใจเป็นพนักงานรับส่งอาหาร และตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่นิยมสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ให้สามารถแข่งขันได้ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการจำหน่ายอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามาเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยแก้ปัญหาการเรียกเก็บค่าส่วนแบ่งรายได้ (GP) ในสัดส่วนค่อนข้างสูงจนทำให้ผู้ประกอบการระดับ MSME ซึ่งมีสายป่านไม่ยาวไม่สามารถแข่งขันได้ โดย eatsHUB จะเข้ามาแก้ปัญหาด้วยการเก็บค่า GP จากร้านค้าสมาชิกประมาณ 8-10% ต่ำกว่าอัตราการเรียกเก็บ 30% ของแพลตฟอร์มอื่น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้ร้านค้าสมาชิกมีต้นทุนในอัตราที่แข่งขันได้สามารถนำเงินทุนมาต่อยอดเพื่อเพิ่มยอดขาย ขณะที่ผู้บริโภคจะได้รับอาหารในราคาที่ใกล้เคียงกับการซื้อจากหน้าร้าน โดยประมาณการณ์ว่าจะมีประชาชนลงทะเบียนเข้าใช้แพลตฟอร์ม eatsHUB กว่า 500,000 รายทั่วประเทศ มียอดการเข้าใช้งานมากกว่า 5,000,000 ครั้ง ช่วยสร้างอาชีพพนักงานรับส่งอาหารกว่า 2,000 รายในปีแรกของการเปิดให้บริการ และเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 500 ล้านบาทภายในหนึ่งปี
ด้าน นายธรรมนิตย์ ขำวังยาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟู้ด ออเดอรี่ กล่าวว่า จังหวัดพิษณุโลก ถือเป็นพื้นที่นอกเขตกรุงเทพมหา นคร ในภูมิภาคเหนือ จังหวัดแรกที่ eatsHUB ได้มาจัดกิจกรรมส่งเสริมการรับรู้และส่งเสริมการใช้งานและเสริมทักษะด้านการใช้เทคโนโลยี สาธิตการใช้เทคโนโล ยีดิจิทัล ซึ่งทางจังหวัดพิษณุโลก ถือเป็นจังหวัดที่มีร้านอาหารขึ้นชื่อเป็นจำนวนมาก การเข้ามาของ eatsHUB จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของจังหวัดขยายตัวได้มากขึ้น เพราะไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร สตรีตฟู้ด และไรเดอร์เท่านั้น แต่ยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นยังกระตุ้นให้ผู้ผลิตต้นน้ำ เช่นเกษตรกรผู้เพาะปลูก และกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ สามารถจำหน่ายผลผลิตได้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งจุดเด่นของ eatsHUB ที่จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับผู้ประกอบการร้านอาหาร คือ การเรียกเก็บค่า GP ที่ต่ำ หรือประมาณ 8-10% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าแพลตฟอร์มทั่วไป / ร้านค้าที่เข้าร่วมจะได้รับเงินโอนค่าสินค้าในวันถัดไป โดยไม่มีขั้นต่ำ / มีระบบโปรโมชัน ช่วยส่งเสริมการขายที่วิเคราะห์จาก Big Data ข้อมูลสมาชิก / เป็นแพลต ฟอร์มที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน จึงมีความน่าเชื่อถือและ สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้อย่างตรงจุด / ควบคุมมาตรฐานการให้บริการของร้านค้าสมาชิก ให้จำหน่ายสินค้าอย่างเป็นธรรมในปริมาณที่ไม่ แตกต่างจากการรับประทานที่หน้าร้าน
ผู้ประกอบการร้านอาหาร และผู้สนใจที่จะร่วมเป็นพนักงานรับส่งอาหาร สามารถศึกษาข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมสมัครเป็นสมาชิกได้ตั้งแต่วันนี้ผ่านทางเว็บไซต์ www.foodordery.co.th ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน eats HUB ทั้งในระบบ android และ iOS เพื่อพบความแตกต่างอย่างคุ้มค่า อิ่มเต็มคำ เหมือนนั่งรับประทานอาหารที่ร้าน.
Discussion about this post