วันที่ 2 ก.ย.65 เวลา 10.30 น. นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราช การจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานในพิธีเปิดงานรณรงค์การนำกล้วยไม้คืนสู่ป่า เพื่อเฉลิมพระ เกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ณ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แม่ฮ่องสอน
นายยงยุทธ อ่อนอุระ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน (เกษตรที่สูง) ได้กล่าวว่า งานรณรงค์การนำกล้วยไม้คืนสู่ป่า เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระ นางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 และเพื่อเผยแพร่พระราชกรณีย กิจไปสู่ประชาชนชาวแม่ฮ่องสอน เพื่อฟื้นฟู อนุรักษ์พันธุกรรมกล้วย ไม้ท้องถิ่น และสร้างจิตสำนึกให้รู้คุณค่าและร่วมอนุรักษ์มรดกทางธรรมชาติ สร้างคุณค่าให้ป่าและเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านธรรมชาติวิทยา โดยในวันนี้ มีพันธุ์กล้วยไม้ที่นำคืนสู่ป่า 9 ชนิด จำนวน 1,090 ต้น ได้แก่ เอื้องแซะ 50 ต้น เอื้องจำปา 40 ต้น , เอื้องกุหลาบน่าน 500 ต้น , เอื้องกุหลาบพวงชมพู 100 ต้น , เอื้องสายหลวง 50 ต้น , เอื้องหิน 50 ต้น , เอื้องผึ้ง 50 ต้น , เอื้องแววมยุรา 50 ต้น และออนซิเดียม 200 ต้น
จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชหลากหลายชนิด โดยเฉพาะกล้วยไม้ป่าที่หาอยาก จึงทำให้มีการลักลอบนำกล้วยไม้ป่าเหล่านั้นออกไปขายเป็นจำนวนมาก ด้วยทรงเป็นห่วงว่ากล้วยไม้ป่าจะหมดไป สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี นาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงทรงมีกระแสพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2535 ในงานประชุมกล้วยไม้เอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 4 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เกี่ยวกับการอนุรักษ์กล้วยไม้ ความว่า “กล้วยไม้ไทย มีความงดงามมากและมีกลิ่นหอมมาก ซึ่งนับวันจะหาดูได้ยากและใกล้สูญพันธุ์ไปทุกขณะ ขอให้หาทางช่วยกันรวบรวมและอนุรักษ์ไว้ พร้อมกับขยายพันธุ์ให้มีปริมาณมากพอที่จะปล่อยสู่ป่าธรรมชาติ” และเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2541 ณ ศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอน ความว่า “ห้ามไม่ให้คนนำเอื้องแซะในป่าออกมาขาย และให้เพิ่มจำนวน คืนสู่ป่าให้มาก โดยขยายพันธุ์แล้วส่งเสริมให้ประชาชนนำไปปลูกและชักชวนให้ประชาชนเข้ามาร่วมกันดูแล”
เพื่อเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์ของพระองค์ท่าน กรมวิชาการเกษตร โดยศูนย์วิจัยและพัฒนา การเกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ดำเนินการผลิตและขยายพันธุ์เอื้องแซะในศูนย์บริการและพัฒ นาที่สูงปางตองตามพระราชดำริ และกรมส่งเสริมการเกษตร ได้มอบหมายให้ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน(เกษตรที่สูง) จึงได้จัดทำฐานการเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูกล้วยไม้ท้องถิ่นของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขึ้นในศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตองตามพระราชดำริ พร้อมทั้งให้จัดกิจกรรมรณรงค์การนำกล้วยไม้คืนสู่ป่าขึ้นทุกปี โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนในพื้นที่ นำลูกกล้วยไม้ที่ผลิตได้และมีความสมบูรณ์แข็งแรง กลับสู่ป่าแหล่งต้นกำเนิดอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา
ขณะที่ เวลา 1130 น. กองทัพบก โดยศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ได้รับการร้องขอการส่งป่วยทางอากาศยาน โดยร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้สั่งการให้ พันเอก สุจินต์ ทรัพย์ สิน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 จัดอากาศยานสนับสนุนการส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน จึงมอบหมายให้ ชุดปฏิบัติการบินทหารบก หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 จัดอากาศยาน ฮ.ท. 212 จำนวน 1 เครื่อง ร่วมกับ ทีมแพทย์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ เพื่อทำการช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน จำนวน 1 ราย คือ นายบุญศักดิ์ ไม่มีชื่อสกุล อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/ช หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยผา อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งกล่องเสียง(ก้อนขนาดใหญ่) ปิดกั้นทางเดินหายใจ ใส่ท่อช่วยหายใจลำบาก มีความเสี่ยงที่ท่อช่วยหายใจจะหลุด โดยอากาศ ยานได้ทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจาก สนาม ฮ. หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถึงสนาม ฮ. ชั่วคราว โรงพยาบาลมหาราชนครเชียง ใหม่ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งตัวเข้ารับการรักษาพยาบาล ณ โรงพยา บาลมหาราชนครเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที
สำหรับในห้วง เดือนตุลาคม 2564 ถึง เดือน สิงหาคม 2565 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหาราบที่ 7 ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน ไปแล้วจำนวน 21 ครั้ง ซึ่งการช่วยเหลือดังกล่าว กองทัพบก ได้ทำข้อตกลงของกองทัพบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ MOU ร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ทั้งนี้เพราะการส่งผู้ป่วยเจ็บ ถือเป็นภารกิจที่สำคัญของกองทัพบก สามารถกระทำได้อย่างรวดเร็ว เป็นการช่วยเหลือชีวิตพี่น้องประชาชน และที่สำคัญ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 กองกำลังนเรศวร ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 และศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือประชาชน ในทุกโอกาส และมีความพร้อมปฏิบัติภารกิจตลอด 24 ชั่วโมง.
Discussion about this post