ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า จากกรณีคนร้ายอายุประมาณ 30 ปี ใส่หมวกแค๊ปสีดำ ใส่แว่นตาดำ ใส่เมสสีดำ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ เป็นยานพาหนะ และใช้พลาสติกมาปิดป้ายทะเบียนรถ พกพาอาวุธปืนขนิดแม๊กกาชีนเป็นอาวุธ และนิ้วมือทั้ง 2 ข้างใช้เทปกาวพันมือเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงของ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน บุกเข้าไปชิงสร้อยทองคำ จำนวน 3 เส้น น้ำหนักรวม 3 บาท อย่างลอยนวล โดยเหตุเกิดที่ห้างทองช่างทอง ในตลาดป่าพะยอม เลขที่ 313 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 9 กันยายน 65 ที่ผ่านมา โดยในวันนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกสองเจ้าของร้านทอง พยานในที่เกิดเหตุไปแล้ว 5 ราย ซึ่งการสอบปากคำในครั้งนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจยิ่ง
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 กันยายน 65 หลังจาก ที่พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงค์ ผกก.สืบสวน จังหวัดพัทลุง พ.ต.ต.จำเริญ อินทร์แก้ว หน.ชุดปราบปรามผู้มีอิทธิพลและผู้ร้ายสำคัญ สตช. ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 9 กองกำกับ2 ชุดสืบสวนสภ.ป่าพะยอม ชุดฉก.เสือดำ กว่า 40 นาย ได้แกะรอยเส้นทางจากกล้องวงจรปิด จนพบว่ารถจักรยานยนต์คันที่ก่อเหตุ เป็นรถจักรยานยนต์ยีห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ ทะเบียน พัทลุง ซึ่งเป็นรถของนางนับ บัววรรณ์ และทราบชื่อคนที่นำรถไปก่อเหตุ เป็นลูกชายของนี บัวแก้ว ชื่อนาย นายศรุษ อนุรักษ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 13 ต.ชุมพล อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ระดมกำลัง เข้าปิดล้อมและค้นบ้านพัก พบรถจักรยานยนต์คันที่ก่อเหตุ จอดอยู่ข้างบ้าน โดยมีผ้าคลุมไว้ พร้อมทั้งพบหมวกคันน๊อคสีขาววางอยู่ บนโต๊ะ ก่อนที่เรียกเจ้าของบ้านนาง นี บัวแก้ว ให้เปิดประตู พบว่าลูกชายที่ก่อนเหตุ ได้แอบหลบในห้องน้ำ พร้อมทั้งนำรองเท้าไปช่อนไว้ใกล้น้ำ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวได้ดังกล่าว เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุ ให้การวกวน และปฎิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ต้องจำนนด้วยหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้ที่ตำรวจนำมาแสดง ก่อนค้นภายในบ้าน พบอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ที่คาดว่านำไปก่อเหตุ 1 กระบอกพร้อมเครื่องสุน และพบสร้อยคอทองคำวางบนที่นอน 1 เส้น ก่อนที่ผู้เป็นแม่ได้ชิงมาจากตำรวจแล้วนำมาแขวนไว้ที่คอ โดยบอกว่าสร้อยคอเส้นดังกล่าวเป็นของตนที่ชื้อมาจากร้านทองเมื่อตอนเช้า จนกระทั่งตำรวจระบุ หากพบตัวเลขที่สร้อย ว่าตรงกับที่มีการชิงมาเมื่อวานก็จะนำแม่มาเป็นผู้ต้องหาด้วย ก่อนที่นางนีผู้เป็นแม่ คืนสร้อยให้กับเจ้าหน้าที่ บอกว่าตกลงไม่ใช่ของตนเอง เอาคืนไปเลย
ต่อมาเจ้าหน้าที่เค้นสอบผู้ก่อเหตุ ที่อยู่ในอาการช็อตยา เกลี้ยกล่อมจนบอกที่ซ่อน สร้อยคอที่เหลือ อีก 2 เส้น โดยวางไว้บนตู้เสื้อผ้า ก่อนเจ้าหน้าที่ตรวจยึด และควบคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป
Discussion about this post