ผู้สื่อข่าวจังหวัดพัทลุงรายงานว่า วันนี้ 13 กันยายนที่ผ่านมา ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบตร. ได้กล่าวถึงกรณี ที่ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อลุงเฟียต ได้โพสต์ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานภายในป้อมตำรวจจุดตรวจสายตรวจตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พร้อมของกลางบุหรีไฟฟ้าจำนวน 3 ตัว และน้ำยาบุหรีไฟฟ้า 3 ขวด ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดเอาไว้ พร้อมคลิปขณะเอาเงินสด 1 หมื่นบาท ใส่ตู้ฝากเงินของธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี ด.ญ.ชฎามาศ สังข์ช่วยนา พร้อมระบุข้อความว่า ฝากเตือนเพื่อนๆพี่ๆที่ใช่รถใช่ถนน อย่าพกพาบุหรี่ไฟฟ้าหรือมีไว้ครอบครอง
ผมเจอมากับตัวเอง ประมาณวันที่3กันยายน2565 ผมและเพื่อนได้เดินทางจากจังหวัดพัทลุงเพื่อที่จะไปเที่ยวจังหวัดสงขลา ระหว่างทาง เวลาประมาณ22.40น. ได้พบด่านตรวจ บริเวณ หน้าปั้ม ปตท.คลองแห ผมและเพื่อนๆก็ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ค้นรถ เวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา พกพาบุหรี่ไฟฟ้า ผมและเพื่อนๆก็ยินยอม รับทราบข้อกล่าวหา โดยเจ้าที่เจ้าหน้าที่ ได้พาพวกผมไปตรวจปัสสาวะ แต่ก็ไม่ได้พบสารเสพติดใดๆทั้งสิ้น เวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ยึดบุหรี่ไฟฟ้าของผมและเพื่อนๆเป็นจำนวน 3 ตัว และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 2ขวด แล้วก็ได้ยึดบัตรประจำตัวประชาชน ไป2ใบ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งให้พวกผม ไปรอที่บริเวณ ภายในปั้ม ที่หน้าตู้ATM ถัดจาก ด่านตรวจไปประมาน50เมตร พวกผมก็ไปรออยู่ภายในปั้ม หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็ได้เก็บด่านตรวจ แล้ว ก็หายไป โดยที่ใช่ให้พวกผมรออยู่ในปั้ม ประมาณ30นาที่ หลังจากนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่1คน ขับรถจักรยานยนต์มาตามพวกผมที่ภายในปั้ม ให้ไปที่ป้อมแห่งหนึ่งติดกับวัดคลองแห พอถึงก็ใช่ให้พวกผมไปจอดรถภายในวัดคลองแห และก็ใช่ให้พวกผม3คนเดินตามไปภายในป้อม โดยที่ใช่ให้คนที่เหลือรอภายในรถ แล้วก็พาพวกผมไปเคลียภายในป้อม
พอพวกผม เข้าไปในป้อม เจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งข้อหาให้พวกผมรับฟัง พวกผมก็ยอมรับข้อกล่าวหา ไม่ได้ขัดขืนอะไรใดๆทั้งสิ้น โดยที่ใช่ให้พวกผม กรองประวัติส่วนตัว ชื่อจริง-นามสกุล บ้านเลขที่และ เลขบัตรประจำตัวประชาชน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกพวกผมว่า พกพาบุหรี่ไฟฟ้ามีโทษปรับไม่เกิน5หมื่นบาท โดยที่เสนอจะช่วยพวกผม โดยตอนแรกเสนอให้พวกผมจ่ายเงินประมาณคนละ1หมื่นบาท 3คน โดนที่ให้พวกผมโทรหาใครก็ได้เพื่อจะให้ผู้อื่นโอนเงินมาให้ที่จะจ่ายเพื่อช่วยพวกผม โดยที่พวกผมไม่สามรถหาเงินมาจากไหนได้นะตอนนั้น หลังจากนั้นก็เสนอ ลดราคาให้พวกผมเหลือคนละ5พันบาท เป็นจำนวจเงิน 1หมื่น5พันบาท โดยที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้าไม่จ่ายเพื่อที่จะจบตรงนั้น จะส่งข้อมูลเพื่อที่จะขึ้นศาล ถ้าไม่จ่ายเงินให้จบตรงนั้น โดยที่บอกว่าจะช่วยพวกผมเท่าที่ช่วยได้ โดยให้จ่ายเงินให้จบตรงนั้น หลังจากนั้นที่พวกผมได้เข้าไปนั้งในป้อม ประมาน1ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็เสนอ ให้พวกผมจ่ายเงินเป็นจำนวนเงิน1หมื่นบาท โดยที่เรื่องจะจบตรงนั้น โดนที่ใช่ให้พวกผม ไปกดเงินที่ตู้ATM ใกล้เคียง ที่ตู้ธนาคารออมสิน เจ้าหน้าที่ได้บอกว่าโอนไม่ได้ รับเฉพาะเงินสดเท่านั้น โดยที่บอกให้ทราบว่าถ้ามีเงินอยู่ในมือแล้วจะเอายังไงค่อยเคลียกันอีกที เพื่อจะปล่อยตัวให้พวกผมกลับ โดยที่บอกว่าจะให้บุหรี่ไฟฟ้าคืนที่ยึดไปคืน พอผมให้เพื่อนอีกคนที่รออยู่ที่รถ ไปกดเงินมาให้ก็รับเงิน โดยที่พวกผมขอใบเสร็จการรับเงิน แล้วเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกว่าไม่มีใบเสร็จให้ จะเอาหรือไม่เอา ช่วยได้เท่านี้ ถ้าไม่เอาก็ต้องนอนคุกก่อน โดยที่พวกผมไม่สามารถทำไรได้เลย หลังจากได้เงินเจ้าหน้าที่ก็ได้ปล่อยพวกผมให้กลับบ้าน จึงฝากเตือนเพื่อนๆพี่ทุกคนด้วยบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายทางที่ดีไม่ควรพกพาหรือมีไว้ครอบครอง
และหลังมีการโพสต์เรื่องราวดังกล่าวออกไป มีผู้ใช้เฟซบุ๊คต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจมึการเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีเจ้าของบุหรีไฟฟ้า ก่อนจะมีการแชร์โพสต์ดังกล่าวออกไปเป็นจำนวนมาก
โดย พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบตร. กล่าวว่า เบื้องต้นหลังได้รับรายงาน ได้สั่งให้ ผกก.สภ.หาดใหญ่ ท้องที่เกิดเหตุ เร่งสอบสวน และให้รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ต่อตนเอง ซึ่งหากพบมีการกระทำผิดจริง ก็จะดำเนินการลงโทษทางวินัยและอาญา ทางผู้บังคับบัญชาจะเอาจริงกับเรื่องนี้ เพราะตำรวจนอกแถวมีเพียงไม่กี่นายที่ทำให้องค์กรตำรวจเสียหาย นิ้วที่ร้ายก็จะตัดออกไป กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย ไม่ใช้ผู้ใช้กฎหมายกระทำผิดเสียเอง ซึ่งทั้งนี้และทั้งนั้น ได้ประสานไปยัง ผกก.สภ.หาดใหญ่ ดูแลผู้เสียหายด้วย เพราะทราบเบื้องต้นไม่กล้าไปแจ้งความเนื่องจากหวั่นจะไม่ปลอดภัย ตนได้สั่งกำชับไปทางผู้กำกับแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 23 กันยายน ผู้เสียหายที่เป็นเยาวชน 3 ราย ได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.หาดใหญ่และได้แจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจชุดดังกล่าวแล้ว ทางพนักงานสอบสวนก็ได้นำภาพถ่ายตำรวจจำนวน 5 ใบมาให้ผู้เสียหายชี้ตัวด้วย
Discussion about this post