เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันที่ 15 กันยายน 2565 ที่สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร นายชุนห์ อาจหาญ ทนายความประจำบริษัทนิธิกรอุตสาหกรรม จำกัด ได้รับมอบหมายจากผู้บริหารบริษัทฯ ให้นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.เสรีฐกาญจน์ จันทร์ด้วง ผกก.สภ.กระ ทุ่มแบน ภายหลังจากทราบว่า มีอดีตพนักงานบริษัทฯ คนหนึ่งลัก ลอบนำใบส่งของจากบริษัทไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และปลอมแปลงลายเซ็นต์ผู้มีอำนาจในการออกใบส่งของ จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางบริษัทฯ
ทนายชุนห์ อาจหาญ ผู้แทนบริษัทฯ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ทาง บริษัทฯ ได้รับทราบว่า มีผู้เสียหายจำนวนมากถูกนางสาวแขก (ขอสงวนชื่อจริง – นามสกุลจริง) อายุ 31 ปี อดีตพนักงานบริษัทฯ ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย ซึ่งได้ลาออกไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ตุลา คม 2564 ลักลอบนำไปส่งของที่มีตราประทับของบริษัทฯ ไปออกใบส่งของเพื่อแสดงรายการขายกระ สอบเกรด B ต่อผู้เสียหาย หวังหลอกลวงตุ้มตุ๋นเอาเงินจากผู้เสียหายหลายราย ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ เป็นอย่างมาก ในการนี้ทางผู้บริหารของบริษัทนิธิกรฯ จึงมอบหมายให้ตนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำ เนินคดีกับอดีตพนักงานรายดังกล่าวจำนวน 3 ข้อกล่าวหาคือ 1.ลักทรัพย์นายจ้างเป็นใบส่งของจำนวน 2 เล่ม (100 แผ่น) 2.ปลอมแปลงเอกสาร ด้วยการปลอมลายเซ็นต์กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ และ 3.ใช้เอกสารปลอมเพื่อหลอกลวงบุคคลภายนอกให้ได้รับความเสียหาย โดยในส่วนของทางบริษัทฯ นั้นได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวอย่างถึงที่สุด และทราบว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวอดีตพนักงานรายนี้ไว้แล้ว โดยได้นำตัวไปสอบสวนหาข้อเท็จจริง พร้อมกันนี้ยังจะได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นศาลไว้ด้วย เนื่องจากในคดีนี้มีผู้เสียหายหลายราย

ขณะที่วันนี้ที่สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน ก็พบว่ามีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ราย นำหลักฐานมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนฯ โดยทางด้านของผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน ก็ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ประกิต ต้นไม้ทอง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.กระทุ่มแบน เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนรับผิดชอบคดีดังกล่าว ซึ่งก็ได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายแต่ละรายที่เข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนี้ก็จะรอผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่จะเข้ามาแจ้งความต่อไป แล้วถึงจะมีการตั้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ถูกแจ้งความ
ด้าน พ.ต.อ.เสรีฐกาญจน์ จันทร์ด้วง ผกก.สภ.กระทุ่มแบน บอกกับผู้สื่อข่าวในเบื้องต้นว่า ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากทางบริษัทนิธิกรฯ ว่า มีอดีตพนักงานคนหนึ่งนำทรัพย์สินของทางบริษัทฯ เป็นใบส่งของพร้อมปลอมแปลงลายเซ็นต์ ไปก่อเหตุฉ้อโกงทรัพย์บุคคลอื่น ด้วยการหลอกให้ซื้อใบบิลส่งของที่แสดงรายการขายสินค้าประเภทกระ สอบเกรด B ของทางบริษัทฯ ดังกล่าว โดยมีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อตกลงซื้อขายแล้วโอนเงินเข้ามาในบัญชีของหญิงสาวรายนี้ ตามจำนวนที่แสดงในรายการใบบิลส่งของ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับหญิงสาวรายนี้พร้อมกับนำตัวมาสอบปากคำ โดยขณะนี้ได้ควบคุมตัวไว้ที่ สภ.กระทุ่ม แบนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบปากคำของพนักงานสอบสวนฯ ก่อนที่จะส่งตัวไปยังศาลจังหวัดสมุทรสา ครในวันพรุ่งนี้ ( 16 ก.ย.65) ซึ่งทางหญิงสาวรายดังกล่าวก็ยังไม่ยอมเปิดเผยเส้นทางการเงินว่ารับมาแล้วนำไปใช้จ่ายอะไร หรือมอบให้ใคร จึงกลายเป็นผู้ต้องหาเพียงรายเดียว ส่วนประเด็นของแชร์ลูกโซ่นั้น จากการตรวจสอบยังไม่พบว่าเป็นรูปแบบแชร์ลูกโซ่ เพราะผู้ที่แจ้งความทั้งหมดเป็นผู้เสียหายที่ไม่มีการกล่าวโทษไปยังบุคคลอื่นมีเพียงกล่าวโทษหญิงสาวรายนี้รายเดียวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนบอกว่าได้รับการติดต่อจากหญิงสาวรายนี้ที่เข้าไปชัก ชวนโดยตรงแบบตัวต่อตัว โดยอาศัยความสนิทสนมจากความเป็นเพื่อน เป็นญาติ และเป็นบุคคลใกล้ชิดกัน ยังไม่มีการสร้างขบวน การหรือเครือข่ายแบบแชร์ลูกโซ่เพื่อให้บุคคลอื่นหลงเชื่อแต่อย่างใด ส่วนทางด้านคดีนั้นเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งข้อกล่าวหาไว้ก่อว่า ลักทรัพย์นายจ้าง กับ ฉ้อโกงทรัพย์ (ผู้เสียหาย) แต่จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาอื่นๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่ ก็ต้องรอผลสรุปจากการสอบปากคำผู้เสียหายและหลักฐานที่รวบรวมได้ทั้งหมดเสียก่อน

ด้านผู้เสียหายเล่าว่า พวกตนรู้จักกับนางสาวแขกในฐานะเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล และ ประถมศึกษาเรื่อยมา จนกระทั่งมาถึงวัยทำงาน โดยก่อนหน้านี้นางสาวแขก ได้ติดต่อมาหาเพื่อนๆ แต่ละคนในรูปแบบต่างๆ กัน บางคนก็ใช้คุยผ่านโทรศัพท์ บางคนก็คุยผ่านแชทไลน์ หรือทางเฟสบุ๊ค เป็นต้น ซึ่งได้ชักชวนให้เพื่อนๆ จาก 1 คน เป็น 2 คน จาก 2 คนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมกว่า 10 คน ให้มาร่วมลงทุนซื้อขายกระสอบเกรด B จากบริษัทฯ ที่นางสาวแขกทำงานอยู่ โดยตอนที่มาหลอกชวนซื้อขายกระสอบนั้น ทางเพื่อนๆ ก็ไม่ทราบว่าเพื่อนสาวก็ได้ลาออกมาแล้ว ทุกคนยังคงคิดว่าเพื่อนสาวยังคงทำงานที่เดิม เพราะมีใบส่งของมาแสดงให้เพื่อนๆ ดู จึงทำให้เกิดความน่าเชื่อเป็นอย่างมาก โดยชักชวนให้เพื่อนๆ นำเงินมาลงทุนซื้อกระ สอบเกรด B ตามที่แสดงในใบส่งของ แล้วเพื่อนสาวจะเป็นคนขายต่อให้กับลูกค้าที่มาหาซื้อเพื่อนำกำไรมาแบ่งกันได้ร้อยละ 10 บาท ซึ่งจากความเชื่อใจเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน ก็เลยมีการร่วมลงทุนด้วย ตอนแรกก็เป็นเงินไม่มากนัก และได้กำไรตามที่เพื่อนบอกไว้จริง จากนั้นก็มีการชักชวนให้ลงทุนเพิ่ม ก็ยังได้ส่วนแบ่งกำไรคืนเหมือนเดิม ยิ่งเพิ่มความเชื่อใจให้มากขึ้นไปอีก เมื่อเพื่อนสาวชวนให้ลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่ได้ระแวงแต่อย่างใด เพราะบางทีก็ได้เงินก้อนกลับมาแต่ได้มาก็ส่งคืนกลับไปบางครั้งยังเติมเพิ่มเข้า ไปอีก เพราะเพื่อนบอกมียอดเงินที่ต้องซื้อเพิ่ม อีกทั้งบางคนยังไปชักชวนญาติพี่น้องของตนเองให้เอาเงินมาซื้อขายกระสอบตามใบส่งของที่เพื่อนสาวแสดงมาให้ดูแต่ละวันด้วย โดยเพื่อนสาวมักจะเอาคนนี้ไปอ้างให้คนนั้นฟังว่าคนเพื่อนคนนี้ก็ร่วมลงทุนด้วย ทำให้หลายคนเชื่อสนิทใจ จนในที่สุดเริ่มพบพิรุธสงสัยว่า ทุกคนอาจจะถูกหลอกเพราะเริ่มไม่ได้เปอร์ เซ็นต์ตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อถามถึงทั้งเงินกำไรและเงินลงทุนก็ถูกบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา อ้างว่าบริษัทยังไม่จ่ายของบ้าง เงินไม่พอหมุนกับสินค้าที่ต้องจ่ายเพิ่มบ้าง จึงทำให้มีการหาหลักฐานจนพบว่า ทุกคนถูกนางสาวแขกหลอกต้มตุ๋นจริง ด้วยการออกใบส่งสินค้าปลอม และไม่เคยมีการนำกระ สอบเกรด B จากทางบริษัทฯ ออกมาขาย รวมถึงนางสาวแขกไม่ใช่พนักงานของบริษัทฯ มานานเกือบ 1 ปีแล้ว จึงได้รวมตัวกันมาแจ้งความที่ สภ.กระทุ่มแบน แล้วก็ทำให้ทราบอีกว่าไม่ใช่เพียงแค่ในกลุ่มเพื่อนและญาติของเพื่อนๆ เท่านั้นที่ถูกหลอก แม้แต่ญาติๆ ของชายหนุ่มที่เป็นแฟนกับนางสาวแขกเองก็ถูกหลอกด้วย โดยทุกคนมั่นใจว่าหญิงสาวรายนี้หลอกใช้แฟนหนุ่มซึ่งเป็นคนตั้งใจทำมาหากินมาเป็นเครื่องมือชวนพ่อ แม่และญาติๆ ให้ซื้อขายใบส่งของกระสอบเกรด B เช่นเดียวกัน จนบางคนสูญเงินหลายล้านบาท และบางคนด้วยความที่ต้องการหารายได้เสริมให้กับครอบครัว ประ กอบกับความไว้ใจและสงสารหลานชายที่เป็นแฟนของนางสาวแขกต้องการให้หลานชายมีรายได้มากขึ้น ถึงลงทุนเพิ่มไปเรื่อยๆ จนยอมจำนองบ้านเพื่อนำเงินมาช่วยเพิ่มยอดการซื้อขาย จนกลายเป็นหนี้ที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เงินคืนหรือไม่ ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้นโดยรวมแล้วคาดว่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท.
Discussion about this post