
วันที่ 20 กันยายน 2565 ที่สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ล้านนา อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ผศ.จัตตุฤทธิ์ ทองปรอน รักษาราชการแทนอธิการบดี มทร. ล้านนาเป็นประธานเปิดกิจกรรมสรุปผลการดำเนินงานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากด้วยเศรษฐกิจ BCG มหาวิทยาลัยสู่ชุมชน เพื่อขับเคลื่อนงานบริการวิชาการ พร้อมลงนามันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านบริการวิชาการ หรือเอ็มโอยู กับผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) 18 แห่ง ก่อนมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติ และรางวัลยกย่องบริการวิชาการดีเด่น แก่หัวหน้าโครงการ U2T จำนวน 176 ตำบล และรางวัลผลงานบทความและคลิปวีดีโอดีเด่น ตามลำดับ โดยมี ผศ.เกรียงไกรธารพรศรี ผู้อำนวยการสถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน พร้อมผู้บริหาร อปท. องค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานดังกล่าว
ภายในงานมีการแสดงนิทรรศการ และบูธนำเสนอผงานโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมฐานรากด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T)โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น โครงการสนับสนุนมูลนิธิโครงการหลวง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการคลินิกเทคโนโลยีโครงการจัดการความรู้ มทร.ล้านนา โครงการวารสารวิชาการรับใช้สังคม ศูนย์เรียนรู้โรงงานผลิตน้ำดื่มเพื่อการศึกษา ศูนย์เรียนรู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีเซรามิค ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์ซ่อมบำรุงวินิจฉัยปัญหา เพื่อสนับสนุนศูนย์/สถานีโครงการหลวง พร้อมเวทีนำเสนอผลงานโครงการดังกล่าว 5 ตำบล สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนและฝึกอบรม Workshop หลักสูตรระยะสั้นด้วย
ผศ.จัตตุฤทธิ์ กล่าวว่า มทร.ล้านนา ได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิโครงการหลวง ตั้งแต่ปี 2544 หรือ 21 ปีที่ผ่านมา เพื่อนำองค์ความรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีไปพัฒนาการเกษตรบนพื้นที่สูง และพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ตามแนวทางเศรฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 และ รัชกาลที่ 10 ได้สืบสานและต่อยอดโครงการดังกล่าวมาถึงปัจจุบัน
“ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน ภายใต้การสนับสนุนของธนาคารออมสิน และกองทุนหมู่บ้าน เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว ที่ได้ทำเอ็มโอยูกับ176 อปท. เพื่อยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบล และเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก โดยมีเป้าหมายเป็นมหาวิทยาลัยนวัตถกรรมเพื่อชุมชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย” ผศ.จัตตุฤทธิ์ กล่าว

ด้านนายอัคค์สัจจา ดวงสุภาสิญจ์ อาจารย์สาขาวิศวกรรมอุตสาหการคณะวิศวกรรม ในฐานะที่ปรึกษาวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างเคี่ยน หมู่ 1 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์พริกลาบหม่าล่า และผงดอกอัญชันชงดื่ม ตราภูพิงค์ ซึ่งเป็นของวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างเคี่ยน ออกสู่ตลาด ภายใต้การสนับสนุนโครงการดังกล่าว ซึ่งสูตรลาบ เป็นสูตรดั่งเดิม ประกอบด้วยพริก ตะไคร้ ข่า มะแขว่น และเครื่องเทศ บรรจุขนาด 500 กรัม จำหน่ายราคาถุงละ 200 บาทโดยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย ใช้ง่าย สะดวก และเก็บพริกลาบได้นานถึง 1 ปี
นอกจากนี้ยังมีสูตรหม่าล่า ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ จำหน่ายถุงละ 300บาท พร้อมผงดอกอัญชันชงดื่ม ทั้งแบบแห้ง และผสมนม มีสรรพคุณช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี บำรุงสายตา ลดอาการผมร่วง ถือเป็นนวัตถกรรมและเทคโนโลยีด้านการเกษตร ที่เผยแพร่องค์ความรู้ ต่อยอดและขยายผลไปสู่ชุมชน เพื่อสร้างอาชีพและรายได้แก่ฐานราก ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ได้ขอมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) จากกรมพัฒนาชุมชนกระทรวงมหาดไทยแล้ว เพื่อรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ พร้อมจดสิทธิบัตรเป็นของ มทร.ล้านนา และวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างเคี่ยนด้วย
///////////////////////////
Discussion about this post