ผู้สื่อข่าวรายงานวันที่ 29 ก.ย. 65 เวลา 10.00น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. มอบหมายให้ พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.อ.บก.ปปป. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. บูรณาการร่วมกันกับสำนักงาน ป.ป.ช. ปัตตา นี วางแผนบุกรวบ นายฟาริก ศรีดนุเดช เจ้าหน้าที่ ที่ดินจังหวัดปัตตานี เรียกรับเงินสินบนจากผู้ประกอบการ แลกกับการออกโฉนดที่ดิน โดยเจ้าหน้าที่ได้นัดหมายให้ผู้เสียหายนำเงินสดจำนวน120,000 บาท มาลงบันทึก ปจว.ไว้เป็นหลักฐานก่อน เพื่อใช้ในการส่งมอบให้ตามที่มีการเจรจากันก่อนหน้านี้ เมื่อถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก. ปปป. ได้นำเงินสดดังกล่าว ให้ผู้เสียหายไปส่งมอบให้กับ นายฟาริกฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ได้วางกำลังชุ่มเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ กระทั่งส่งมอบเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้บุกเข้ารวบตัวทันที บริเวณห้องรับประทานอาหารอาคารสำนักงานที่ดินจังหวัดปัตตานี พร้อมแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ พบเงินสดจำนวนดังกล่าวอยู่ที่กระเป๋ากางเกงข้างหลังด้านช้ายของนายฟาริกฯ จากนนั้นเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ พบหมายเลขบนธนบัตรตรงกับที่ลงบันทึก ปจว.ไว้ทุกฉบับ
ต่อมา เวลา 13.00 น ที่ สภ.เมืองปัตตานี นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ผช.เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.อ.บก.ปปป. และผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดปัตตานี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวมแถลงข่าวกรณีดังกล่าว
พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.อ. บก.ปปป. กล่าวว่า สำหรับพฤติ การณ์ คือ สืบเนื่องผู้เสียหายได้จัดสร้างโครงการหมู่บ้านจัดสรร มิตรภาพบ่อทอง อ.หนองจิก จว.ปัตตานี โดยได้ดำเนินการขอรังวัดเพื่อแบ่งแยกโฉนดที่ดินเพื่อประกอบการขาย หมู่บ้านจัดสรรดังกล่าว และเสนอเอกสารต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดปัตตานี ตามระเบียบฯ ต่อมาผู้เสียหาย ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่งานทะเบียน สำนักงานที่ดินจังหวัดปัตตานี เพื่อขอค่าดำเนินการแบ่งแยกโฉนดที่ดินจำนวน 8 แปลงๆละ 15,000 บาท คิดเป็นเงิน 120,000 บาท และนัดให้ผู้เสียหายนำเงินสด มามอบให้ในวันที่ 29 ก.ย.2565 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดปัตตานี กระทั้งผู้เสียหายเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม จึงได้นำหลักฐานดังกล่าว มาร้องทุกข์ ต่อ บก.ปปป. เพื่อดำเนินการสืบสวน ผลการสืบ สวนพบว่า มีพยานหลักฐานชัด เจนเพียงพอเชื่อได้ว่า นายฟาริก ศรีดนุเดช นักวิชาการที่ดินชำนาญการ หัวหน้างานนิติกรรม 2 สำนักงานที่ดินจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐได้ใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่ในทางมิชอบและโดยทุจริตเรียกรับสินบนจากผู้เสียหาย นอกจากนี้การสืบสวน เชื่อว่า เจ้าหน้าที่ที่ดินดังกล่าวยังเคยมีพฤติกรรมเรียกรับเงินในลักษณะเดียวกันกับผู้ขออนุญาตอื่นมาแล้วหลายราย
เบื้องต้นเจ้าหน้าทีแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา ประกอบด้วย 1. เป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อการกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ) 2. เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริต (ตาม ประ มวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ) 3.เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือ ผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ (ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริพ.ศ.2561มาตรา173 ) “พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ
โดยชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเป็นเงินที่รับไว้จริง แต่คิดว่าไม่กระทำความผิด หลังจากนี้พนักงานสอบสวน บก. ปปป.จะได้สอบสวนพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานก่อน เตรียมส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป
นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผช. เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช กล่าวว่า ส่วนจะมีผู้อื่นที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบนอีกหรือไมนั้น เจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนขยายผลอีกครั้งหนึ่ง ปัจจุบันทุกหน่วยงานราชการ หากต้องการติดต่อหรือดำเนินการใดๆก็ตาม ค่าใช้จ่ายจะมีการระบุอย่างชัดเจนอยู่แล้ว พร้อมมีใบเสร็จรับงาน และหากมีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกเก็บเงินสูงกว่าที่กำหนดไว้ และไม่มีใบเสร็จ ก็สันนิฐานเบื้องต้นได้ว่าเป็นการเรียกรับเงินนอกจากที่กำหนดไว้ และหากประชาชนได้รับความเสียหายก็สามารถแจ้งข้อมูลและเบาะแสให้กับหน่วยงานที่ต่อต้านการทุจริตได้.
Discussion about this post