เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 65 ผู้สื่อข่าวราย งานว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมหนักจนเป็นเหตุให้ถนนหลายสาย หมู่บ้านหลายชุมชนถูกตัดขาด ประกอบกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ซึ่งส่วนราชการหลายหน่วยงานได้ช่วยกันนำรถปิกอัพยกสูง และรถ 6 ล้อ ของทางราชการ และจิตอาสา มาคอยบริการรับ-ส่งข้ามจุดที่น้ำท่วมฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการรถสไลด์ และกลุ่มชาวบ้านบางส่วนหัวใส เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส นำรถส่วนตัวมาคอยบริการรับจ้างข้ามฝั่ง โดยคิดอัตราการขนย้ายรถ จยย. ในราคาคันละ 20-100 บาท ขณะที่รถยนต์เก๋ง-ปิกอัพ เริ่มต้นที่คันละ 100 ,200 ,500 และ1,000 บาท แล้วแต่จุด สร้างความเดือดร้อนในทุกข์ของชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ขณะเดียว ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ Atthaplon Wongnikul ได้โพสต์ข้อความลงในเพจ SisaketToday ระบุว่า “ได้ยินข่าวว่า น้ำท่วมโซนคูซอด ไปบ้านแก้ง ต.คูซอด อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ มีมาเฟียเจ้าถิ่น กีด กันคนมาบริการ รับส่งข้ามฝาก ราคาถูก และไม่ให้มาบริการฟรี เพราะกลัวขาดรายได้ เมื่อเช้ามีคนไปรับบริการได้ยินเต็มหู (คนที่พูด ผู้ชายตัวสูงๆสักลายเต็มขา เขาบอกเขาเป็น นายท่า ที่นี่ ใครจะทำอะไรต้องผ่านเขาก่อน จะมารับจ้างต้องทำราคาเท่าเขา) ฝากถึง อบต.คูซอด ช่วยบริการประ ชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนด้วย จัดการให้เด็ดขาด มันคือหน้าตาและชื่อเสียงของพื้นที่ อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์พวกพ้อง”
หลังข้อความดังกล่าวโพสต์ออกไปได้ไม่นาน ได้มีชาวโซเชี่ยลแห่กดไลค์ กดแชร์ และแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการทำมาหากินบนทุกข์ของชาวบ้าน ซึ่งบางแห่งราคาแพงเวอร์ อยากให้เห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ต่อมา พล.ต.ต.ลาภ ศรีสำอางค์ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ออกตรวจสภาพน้ำท่วม และตรวจเส้นทางการจราจรที่ประสบอุทก ภัย บริเวณถนนคูซอด อ.เมืองศรีสะเกษ-บ้านแก้ง อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ พบว่ามีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 40 ซม. เป็นระยะทาง 4 กม. รถยนต์และรถจักรยานยนต์ไม่สามารถผ่านไปได้ จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ให้บริการรถบรรทุกขนส่งผู้โดยสารและยานพาหนะ เก็บค่าบริการในราคาสูงเกินจริง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
จึงได้ร่วมกันกับ นายก อบต.คูซอด อ.เมืองศรีสะเกษ และนายก อบต.กุดเมืองฮาม อ.ยางชุมน้อย แขวงทางหลวงที่1,ฝ่ายปกครอง กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ,สภ. ยางชุมน้อย ทำการเจรจาไกล่เกลี่ยค่าบริการให้ลดลงจากเดิม โดยรถยนต์เหลือคันละ 150 บาทต่อเที่ยว และรถจักรยานยนต์เหลือคันละ 50 บาทต่อเที่ยว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประ ชาชนที่จำเป็นต้องเดินทาง โดยทั้งฝ่ายผู้ให้บริการและประชาชนยอมรับ.
Discussion about this post