วันที่ 9 ตุลาคม 2565 ที่ป่าดงสักงาม อุทยานแห่งชาติแม่ยม ตำบลสะเอียบ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ทางเครือข่ายต่อต้านเขื่อนแก่งเสือเต้นซึ่งมี แกนนำชาวบ้านในตำบลสะเอียบ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ นำโดย นายชุม สะเอียบคง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสะเอียบ เป็นประธาน และองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนจากประเทศเพื่อนบ้าน เครือข่ายสมัชชาคนจน มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการประเทศไทย นำโดย นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการประเทศไทย ร่วมจัดทำพิธีสืบชะตาป่าดงสักงาม บริเวณอุทยานแห่งชาติแม่ยม เป็นประเพณีของชาวสะเอียบกับเครือข่ายฯจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในปีนี้มีตัวแทน
ชาวบ้านรวมทั้งพระสงฆ์กว่า 200 คน
สำหรับการจัดทำพิธีสืบชะตาป่าไม้ “ดงสักงาม” ในอุทยานแห่งชาติแม่ยม มีแนวทางสำคัญในการสร้างจิตสำนึกร่วมเพื่อการหวงแหนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ชาวบ้านต่อสู้ในการต้านการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นมานานกว่า 30 ปี พิธีกรรมนี้ยังเป็นการปลุกจิตสำนึกของคนรุ่นใหม่ ให้เห็นความสำคัญในการรักษาผืนป่าและการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งเตรียมความพร้อมรับมือระบบนโยบายการบริหารจัดการน้ำของนักการเมืองที่จะเข้าสภาในการเลือกตั้งครั้งหน้าในเร็วๆนี้
นายชุม สะเอียบคง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสะเอียบ กล่าวว่า การบวชป่าสืบชะตาไม้สักในบริเวณดงสักงามเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการต่อต้านการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ที่ทำสืบทอดกันมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปีและถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการปลุกจิตสำนึกของคนรุ่นใหม่ให้สานต่อไปในรุ่นต่อไปด้วย
นายสมมิ่ง เหมืองร้อง อดีตแกนนำต้านเขื่อนแก่งเสือเต้น กล่าวว่า สาเหตุที่ชาวบ้านต้องออกมายึดถือประเพณีบวชป่าอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาการเมืองที่ยังมุ่งไปที่ผลประโยชน์ในโครงการขนาดใหญ่ คือ “แก่งเสือเต้น” ยังเป็นเป้าหมายของนักการเมืองที่จะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น อีกไม่นานการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นนักการเมืองที่มีความโลภต้องการผันงบประมาณเป็นโครงการขนาดใหญ่จะพยายามฟื้นโครงการแก่งเสือเต้นมาอีกอย่างแน่นอน ในเรืีองนี้ชาวบ้านรู้ทันจึงยังคงต้องดำเนินการต่อต้านการสร้างเขื่อนต่อไป
นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการประเทศไทย กล่าวว่า ได้ร่วมต่อสู้กับชาวสะเอียบมาเป็นเวลานาน นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญในการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพสร้างการมีส่วนร่วมจากประชาชนนำไปสู่การพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน และที่ผ่านมาพบว่าการบริหารจัดการน้ำเน้นไปที่โครงสร้างพื้นฐานในการสร้างประตูระบายน้ำ เขื่อน ทำงบกั้นน้ำซึ่งต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากและมากขึ้นทุกปี สภาพอุทกภัยในปีนี้พบว่า โครงสร้างพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาน้ำกลับกลายเป็นที่สกัดไม่ให้น้ำเดินทางสะดวกกลายเป็นปัญหาน้ำท่วมต่อประชาชนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ทางมูลนิธิ ฯ พบว่าการบริหารทรัพยากรน้ำขึ้นอยู่กับนักการเมืองผู้ที่เข้ามาบริหารทรัพยากรน้ำคือตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีใช้งบประมาณจำนวนมากเน้นไปที่การก่อสร้างและการจัดหาโดยไม่มองกลไกสำคัญคือคนในพื้นที่และการจัดการน้ำอย่างสมดุลทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง เมื่อพูดถึงปัญหาเหล่านี้ก็จะมีการเพิ่มงบประมาณขึ้นทุกปี สิ่งเหล่านี้มาจากนโยบายของนักการเมืองที่จะเข้ามาสู่สภาฯ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งต่อไปประชาชนคงต้องติดตามและต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งอยากไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากผู้บริหารที่คิดเรื่องงบประมาณมากกว่าการจัดการน้ำอย่างสมดุล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ตำบลสะเอียบ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เป็นพื้นที่ต้นแบบในการสร้างการมีส่วนร่วมบริหารจัดการน้ำ มีโครงการที่เกิดขึ้นจากประชาชนมากมาย อาทิโครงการสะเอียบโมเดล แต่โครงการที่มีกระบวนการมีส่วนร่วมเหล่านี้รัฐบาลหรือนักการเมืองในยุคต่างๆไม่ให้ความสำคัญ แต่คงเน้นไปที่โครงการขนาดใหญ่เพื่อผันงบประมาณลงทุนในปริมาณที่สูง แต่ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ชาวสะเอียบและองค์กรพัฒนาเอกชนร่วมกันสานต่อการสืบชะตาป่าไม้ในอุทยานแห่งชาติแม่ยมครั้งนี้ก็เพื่อการสะท้อนภาพให้เห็นถึงกระบวนการการมีส่วนร่วมประชาชนที่รัฐไม่ให้ความสำคัญ
ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่
Discussion about this post