เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.ของวันที่ 17 ตุลาคม 2565 ที่สถานีตำรวจภูธรบางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองสมุทร สาคร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศุภชัย ศรสุคนแก้ว ผกก.สภ.บางโทรัด ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) ได้ร่วมกันเผยผลการจับกุมนายชวลิต เครือวัลย์ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์และข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายที่เป็นหญิงสาวชาวแรงงานกัมพูชาชื่อ น.ส. เรือน (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.259/2565 โดยกล่าวหาว่า พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารฯ ,ข่ม ขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆฯและชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2565 เวลาประ มาณ 09.30 น.ในพื้นที่ตำบลมหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร (เขตความรับผิดชอบของ สภ. เมืองสมุทรสาคร) ต่อเนื่องมายังพื้นที่ ต.ชัยมงคล อ.เมือง จ.สมุทร สาคร (เขตความรับผิดชอบของ สภ.บางโทรัด) ซึ่งในการจับกุมครั้งนี้มีของกลางเป็นพยานหลักฐานประกอบด้วย หมวกแก๊ปสีดำ 1 ใบ,รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ YAMAHA รุ่น FINN สีฟ้า,ดำ,ขาว ทะเบียน 1 กน 9901 สมุทรสาคร 1 คัน , เงินสดที่ได้จากผู้เสียหาย,4. เสื้อวินรถจักรยานยนต์รับจ้างสีส้ม 1 ตัว และอีกโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ทั้งนี้จากคำให้การของนางสาวเรือน (นามสมมติ) ผู้เสียหายชาวกัมพูชา ทราบว่า เมื่อวันและเวลาดังกล่าวข้างต้น นายชวลิตฯ (ผู้ต้องหา) ซึ่งมีอาชีพขับรถจักรยาน ยนต์รับจ้าง ได้รับนางสาวเรือนมาจากพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร โดยใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะขับออกมาที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.ชัยมงคล อ.เมืองสมุทรสาคร จากนั้นได้ใช้กำลังข่มขืนกระทำชำเรา แล้วบังคับเอาทรัพย์สินหลบหนีไป โดยทรัพย์ที่ได้ไปมีเงินสดรวมจำนวน 72,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง 1 เส้นพร้อมจี้พลอย สร้อยข้อมือน้ำหนัก 2 บาท 1 เส้น แหวนทอง คำ 1 วง และยังมีเอกสารพาสปอร์ต กับ ใบอนุญาตทำงานในราชอาณาจักรไทย (บัตรสีชมพู) ซึ่งภายหลังเกิดเหตุหญิงสาวผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทร สาคร ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนถึงที่สุด ต่อมา สภ.เมืองสมุทร สาคร ได้พิจารณาแล้วพบว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ของ สภ. บางโทรัด จึงได้ส่งสำนวนการสอบสวนมาให้ สภ.บางโทรัด ดำเนินการ ซึ่งทางพนักงานสอบ สวน สภ.บางโทรัด ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางโทรัด กับ สภ.เมืองสมุทรสาคร กระทั่งสามารถจับกุมตัวไว้ได้ที่บริเวณหน้าห้องพักหมายเลข 8 ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง พื้นที่ตำบลบาง หญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร
นอกจากนี้ทางด้านของ พ.ต.อ. นิมิต หนูแก้ว พงส. ยังจะได้มีการสอบสวนผู้ต้องหาเพิ่มเติมด้วยว่า เคยก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้อีกหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามกฎ หมายต่อไป ขณะเดียวกันทางด้านของ พ.ต.อ. ศุภชัย ศรสุคนแก้ว ผกก.สภ.บางโทรัด และ พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร ก็ได้ส่งมอบเงินจำนวน 54,000 บาท ที่ติดตามกลับคืนมาได้จากผู้ต้องหานั้น ให้แก่นางสาวเรือน ผู้เสียหาย โดยมี ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) เป็นสักขีพยาน ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามมาให้แก่ผู้เสียหายต่อไป
ส่วนผู้ต้องหานั้น จากการสอบสวนเบื้องต้นให้การรับสารภาพในข้อ หา “ ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” แต่ยังคงให้การปฏิเสธในข้อหา “ ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น”.
Discussion about this post