เมื่อเวลา13.30 น.ของวันที่ 31 ตุลาคม 2565 นายไพฑูรย์ พงษ์ชวลิต รองอธิบดีกรมทางหลวง พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินการซ่อมแซมสะพานกลับรถ (หน้า รพ.วิภาราม) กม.ที่ 34 ถนนพระราม 2 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์แผ่นปูนขอบทางสะพานกลับรถพังถล่มลงมาเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
สำหรับขั้นตอนการดำเนินการในการซ่อมแซมสะพานกลับรถแห่งนี้ ก็เริ่มจากการที่ทางศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) ได้ดำเนินการหล่อชิ้นส่วนคานสะพานพร้อมดำเนินการติดตั้ง โดยการปฏิบัติงานนี้ทางกรมทาง หลวงได้ร่วมกับแขวงทางหลวงสมุทรสาคร ตำรวจทางหลวง และหน่วยงานในพื้นที่ มีการเคลื่อนย้ายคานรูปตัวที มายังบริเวณสะพานกลับรถ หน้า รพ.วิภาราม เพื่อยกขึ้นวางบนโครงสร้างสะพาน พร้อมติดตั้งเหล็กเสริมส่วนที่เทเชื่อมกับตัวสะพาน ซึ่งคานตัวแรกที่ถูกยกขึ้นเพื่อติดตั้งเป็นคานตัวที่ 3 หรือคานที่อยู่ตรงกลาง จากนั้นก็จะดำเนินการยกอีก 4 ตัวที่เหลือให้แล้วเสร็จภาย ในคืนนี้ ก่อนที่จะดำเนินการซ่อม แซมในขั้นอื่นๆ ต่อไป และระหว่างการซ่อมแซมสะพานกลับรถแห่งนี้ ก็มีความจำเป็นต้องปิดการจราจรขาเข้า กทม.ช่องทางหลักตั้งแต่ กม.ที่ 34+400 นับตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2565 โดยผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถใช้ช่องทางคู่ขนาน และช่องทางหลักฝั่งขาออก (ช่องทางพิเศษ 1 ช่องจราจร) เพื่อเดินทางเข้า กทม.
นายไพฑูรย์ พงษ์ชวลิต รองอธิบดีกรมทางหลวง ให้สัมภาษณ์ว่า แผนการดำเนินการซ่อมแซมสะพานกลับรถหน้า รพ.วิภาราม จะลงมือทำตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคือวันที่ 31 ตุลาคม และจะพยา ยามทำให้เสร็จภายในวันที่ 4 พฤศจิกายน ซึ่งจะเร่งทำงานตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีหยุด โดยนอกจากเจ้าหน้าที่ของกรมทาง หลวงแล้ว ยังมีคณะอาจารย์ และเจ้าหน้าที่จากสภาวิศวกรรมสถานฯ มาตรวจความปลอดภัยตลอดเวลาอีกด้วย เพราะฉะนั้นขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางมั่นใจได้ว่างานนี้จะต้องแล้วเสร็จด้วยความปลอดภัย ซึ่งเมื่อดำเนินการซ่อม แซมจนแล้วเสร็จ พอหลังจากวันที่ 4 พฤศจิกายนไปแล้ว ก็จะเปิดให้ใช้ช่องทางด้านล่างได้ตามปกติ ส่วนบนสะพานกลับรถจะเริ่มให้ใช้ทางได้หลังจากวันที่ 11 พฤศจิกา ยนไปแล้ว เพราะทางเราต้องทำ การทดสอบมาตรฐานความปลอดภัย มั่นคงแข็งแรงให้เป็นที่เรียบร้อยทุกขั้นตอนเสียก่อน
นายไพฑูรย์ฯ ยังย้ำอีกว่า ในส่วนของพี่น้องประชาชนนั้น ขอให้มั่นใจว่าสะพานกลับรถที่ทำการซ่อมแซมแล้วนี้มีความปลอดภัยอย่างแน่นอน เพราะตลอดการทำงานเรามีการตรวจสอบความปลอดภัยทุกขั้นตอน และจะมีการรายงานผลอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ก็ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในการทำงานของกรมทางหลวง รวมทั้งทีมงานของวิศวกรรมสถานที่ได้มาช่วยกันตรวจสอบเพิ่มความความปลอดภัยทุกขั้นตอน ซึ่งเป็นการเพิ่มความปลอดภัยขั้นสูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับสภาพการจราจรบนถนนพระราม 2 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่ช่วงกม.ที่ 35 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปิดการจราจรในช่องทางหลัก (ช่องทางด่วน) นั้น ก็พบว่า ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน และตอนกลางวันการจราจรค่อนข้างติดขัดยาวลงไปเป็นระยะทางเกือบ 2-3 กิโลเมตร ซึ่งกรมทางหลวงได้แก้ปัญหาด้วยการเปิดช่องทางเดิน รถพิเศษในช่องทางหลักของฝั่งขาออกกรุงเทพฯ โดยให้รถวิ่งสวนทางได้ 1 ช่องจราจร ที่ก็พอช่วยระบายการจราจรให้เป็นไปอย่างคล่องตัวมากขึ้น และจะกลับเข้าสู่ช่องทางขาเข้า กทม.ในช่องทางหลักปกติที่ กม.31 แต่การเปิดช่องจราจรพิเศษนี้ จะเปิดเฉพาะในช่วงที่การจราจรขาเข้ากรุง เทพฯ ติดขัดอย่างหนัก และจะปิดทันทีหากการจราจรฝั่งขาออกกรุงเทพฯ มีปริมาณมากหรือฝั่งขาเข้ามีปริมาณรถที่สามารถเคลื่อน ที่ได้อย่างคล่องตัว ทั้งนี้ ประชา ชนผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถสอบ ถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือแจ้งเหตุต่าง ๆ ได้ที่ สายด่วนกรมทาง หลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง).
Discussion about this post