เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 4 พ.ย.65 ที่ สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจสุราษฎร์ธานี จำกัด ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ร.ต.อ.สุวิทย์ มากด้วง ประธานกรรมการ สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจสุราษฎร์ธานี จำกัด ให้การต้อนรับ รองศาสตราจารย์พิเศษ พลโท ดร.วีระ วงศ์สรรค์ ประธานกรรม การ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย ดร.สมนึก บุญใหญ่ ผู้จัดการใหญ่ ขุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด เข้าเยี่ยมชมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจสุราษฎร์ธานี จำกัด
รองศาสตราจารย์พิเศษ พลโท ดร.วีระ กล่าวว่า การเข้าเยี่ยมชมการดำเนินการของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจสุราษฎร์ธานี จำกัด ในวันนี้เพื่อเป็นการเยี่ยมชมและศึกษาระบบการบริหารจัดการของสหกรณ์ฯ ซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องสวัสดิการของสมาชิกที่มีจำนวนกว่า 4.8 พันราย ซึ่งในช่วงโควิด 19 ที่ผ่านมาทางสหกรณ์ได้ดำเนินการช่วยเหลือสมาชิกที่ได้รับผลกระทบทุกราย ด้วยดีมาตลอด และช่วยเหลือในเรื่องสวัสดิการต่างๆของสมาชิก ตั้งแต่เกิด ถึงตาย ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งสหกรณ์ต้นแบบ ที่มีการบริหารด้านสวัสดิการในระดับประเทศซึ่งจะเห็นได้ว่า จะมีการได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย และยังมีสหกรณ์ต่าง ๆ เข้าเยี่ยมชมการจัดการมาโดยตลอด
ร.ต.อ.สุวิทย์ กล่าวว่า สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจสุราษฎร์ธานี จำกัด ได้ก่อตั้งมาเป็นปีที่ 56 ภายใต้การบริหารงานของคณะกรรม การดำเนินการ ชุดที่ 57 โดยมีตนเองเป็นประธานกรรมการ และมี นางสาวพิกุล บรรเจิดฤทธิ์ ผู้จัดการในรอบปีบัญชี 2565 มีผลการดำเนินงาน ดังนี้ คือจำนวนสมาชิก 4,859 คน สินทรัพย์รวม 9,666,086,268.17 บาท เงินรับฝาก 4,678,296,353.19 บาท ทุนดำเนินงาน 3,981,310,514.87 บาท กำไรสุทธิ 251,731,404.70 บาท เป็นสหกรณ์ขนาดใหญ่ที่ได้พัฒนากิจการเพื่อผลประโยชน์แก่มวลสมาชิกอย่างต่อเนื่อง สร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคง การดำเนินงานจึงประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีในปีบัญชี 2565 สหกรณ์มีกำไรสุทธิ 251,731,404.70 บาท จึงได้จัดสรรเป็นเงินปันผลตอบ แทนผู้ถือหุ้นในอัตราร้อยละ 5.50 และสหกรณ์ได้จ่ายเงินเฉลี่ยคืนตอบแทนสมาชิกผู้กู้อัตราร้อยละ 6.50 สรุปถัวเฉลี่ยทั้งปี สมาชิกจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้สามัญในอัตรา ร้อยละ 5.725 บาท และเมื่อนำเงินเฉลี่ยคืนมาคำนวณแล้วสมาชิกจ่ายเพียง 5.35 บาท ต่อปีสหกรณ์ได้บริหารงานตามอุดมการณ์สหกรณ์ โดยการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จึงได้จัดให้มีสวัสดิการต่าง ๆ ให้แก่สมาชิกอย่างทั่วถึงและครอบคลุมถึงครอบครัวสมา ชิก โดยคำนึงถึงการช่วยเหลือสมาชิกและครอบครัวเป็นหลักตั้งแต่เกิดจนถึงตาย เช่น ในรอบปีที่ผ่านมาการแพร่กระจายของเชื้อโควิด 19 อย่างรุนแรง จึงได้ช่วยเหลือสมาชิกและครอบครัวที่ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และนอนพักรักษาตัวที่บ้านสหกรณ์ให้เบิกสวัสดิการได้คืนละ 1,000 บาท รวมไปถึงครอบครัวสมาชิกด้วย ลดดอกเบี้ยเงินกู้จาก 5.7% เหลือ 1% ให้สมาชิกพักชำระหนี้เงินต้นได้ ให้ลดหุ้นเหลือเดือนละ 100 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ให้เงินกู้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยโควิด-19 ในอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด จัดทำประกันการเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับสมาชิกทุกคน ซึ่งสรุปมีสมาชิกได้รับการช่วยเหลือที่ลดดอกเบี้ยเงินกู้ไป จำนวน 1,238 ราย เป็นเงินรวม 32 ล้านกว่าบาท สหกรณ์จ่ายค่ารักษาตัวกรณีป่วยอีกคืนละ 1,000 บาท จำนวน 1,807 ราย เป็นเงิน จำนวน 15 ล้านกว่าบาท ส่วนครอบครัวที่เจ็บป่วยรักษาตัวจ่ายคืนละ 500 บาท อีก 1,401 ราย เป็นเงิน 3.8 ล้านกว่าบาท รวมเป็นเงิน 18.9 ล้านกว่าบาท และสหกรณ์ยังลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งบ่งบอกถึงการบริหารสหกรณ์ตามแบบอย่างสหกรณ์โดยแท้จริง ยามสมาชิกเดือดร้อนสหกรณ์จะต้องให้การช่วยเหลือ ตามวัตถุ ประสงค์ในการจัดตั้งสหกรณ์อย่างแท้จริง ที่สำคัญเพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน และในรอบปีที่ผ่านมาสหกรณ์ได้จ่ายสวัสดิการให้สมาชิกกรณีที่เสียชีวิต จำนวน 22 ราย รวมเป็นเงินจำนวน 30 ล้านกว่าบาท และสหกรณ์ยังมีการการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับสมาชิกทุกประเภท ชดเชยให้สมาชิกไปแล้ว 6 ล้านกว่าบาท รวมทั้งสิ้นในรอบปีที่ผ่านมาสหกรณ์ ได้คืนให้กับสมาชิกไปแล้วในรูปแบบต่าง ๆ เป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 88 ล้านกว่าบาท และสำหรับข้าราชการบำนาญซึ่งเป็นสมาชิกที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่สหกรณ์มายาวนาน และไม่มีหนี้กับสหกรณ์ฯ ก็สามารถรับเงินสวัสติการเกื้อกูลอาวุโสไปจ่ายก่อน
ปีละ 50,000 บาท สมาชิกทุกท่านอาจจะได้รับในรูปแบบต่างกัน แต่ทุกคนก็ได้รับแน่นอน.
////รัตติยา พูลศิริ/สุราษฎร์ฯ////
Discussion about this post