วันที่ 4 พ.ย. ร.ต.อ.สกล โตจีน รองสว.สอบสวน สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งมีคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงสร้อยคอทองคำจากร้านทองเยาวราช เอ็มโกลด์ ภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาเสนา ต.บางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีทัต สีดารักษ์ ผกก.สภเสนา และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พบพนักงานในร้านทองอยู่ในการตกใจ ตรวจสอบตู้กระจกที่โชว์ทอง ถูกคนร้ายทุบแตกเสียหาย สร้อยคอทองคำทองรูปพรรณตกกระจายเกลื่อน ที่ตู้โชว์พบรอยกระสุนปืน 1 นัด
สอบถาม น.ส.จิระภรณ์ เปลี่ยนประเสริฐ อายุ 27ปี พนักงานของร้าน ทราบว่า มีคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ หมวกกันน็อกสีดำ เดินตรงเข้ามาที่ร้าน ครั้งแรกเข้าใจว่าเป็นลูกค้าประจำที่มักจะชอบเข้ามาแหย่เล่นกับพนักงาน ก่อนบอกว่ามาปล้นนะ จากนั้นคนร้ายก็ยิงปืนเข้ามาภายในร้าน พนักงานทุกคนต่างพากันหลบ ก่อนคนร้ายเข้าไปทุกกระจกและกวาดเอาสร้อยคอทองคำก่อนที่จะหลบหนีไป
ขณะที่พยานซึ่งเป็นร้านค้าอยู่ตรงทางเข้าออกของห้าง บอกว่า หลังคนร้ายก่อเหตุได้วิ่งออกมา ถือมือปืนส่ายไปมา พร้อมได้วางท่อ PVC ทำด้วยเทปและสายไฟมีนาฬิกาคล้ายระเบิดวางไว้ด้านหน้า ก่อนที่จะขับขี่รถจักรยานยนต์ yamaha fino สีเทาดำหลบหนีไป จากนั้นมีพนักงานร้านค้าที่อยู่ในห้างเห็นมีตัวเลขดิจิตอลเดินอยู่จึงรีบหยิบท่อ PVC ไปวางทิ้งด้านข้างของห้าง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วเป็นวัตถุระเบิดปลอม สร้างขึ้นมาเพื่อถ่วงเวลาเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปในที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทองรูปพรรณที่คนร้ายชิงไปน้ำหนักรวมประมาณ 95บาท อย่างไรก็ตาม จะได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเช็กเส้นทางหลบหนี
ต่อมา พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ลงตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมกำชับและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนออกไล่ล่า ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี จากการตรวจสอบทองรูปพรรณที่คนร้ายได้ไปพบว่าเป็นทองรูปพรรณประเภทสร้อยคอและสร้อยข้อมือน้ำหนัก 1 บาท 2 บาทและ 3และ4 บาท เบื้องต้นประมาณ 95บาท สัญลักษณ์ทอง LKอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์อยู่ระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บหลักฐานลายนนิ้วมือแฝง รวมถึงทองที่ได้ไปอย่างละเอียดว่าได้ไปจำนวนกี่เส้น น้ำหนักเท่าไหร่
จากนั้นเจ้าหน้าที่ EOD ได้เข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยซึ่งทำด้วยท่อ PVC และมีนาฬิกาดิจิตอล พันอยู่บนท่อถูกโยนทิ้งไว้ในพงหญ้าหลังจากที่มีพลเมืองดีได้หยิบไปโยนทิ้งไว้จากการเข้าเก็บกู้ ใช้ปืนแรงดันน้ำสูงทำลาย เบื้องต้นเป็นท่อ PVC ภายในใส่ทรายเอาไว้และพันด้วยผ้าเทปสีดำ นาฬิกาวางไว้ข้างบนจึงตรวจเก็บเพื่อนำไป พิสูจน์อีกครั้ง
ด้าน พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1. เผยจากการตรวจพบทอง รูปพรรณที่คนร้าย ได้ไปรวมประมาณ 80 บาท จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบพฤติกรรมของคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ บุก เดี่ยวโดยมีพฤติกรรมโดยขับขี่รถจักรยานยนต์ พร้อมอาวุธปืน จากนั้นเปิดฉากยิงข่มขู่แล้วชิงทอง จากนั้นมีการใช้ระเบิดปลอมเพื่อเป็นกับดักโดยการหวังใช้ในการเปิดทาง เบื้องต้นได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกระจายกำลังออกตรวจสอบ ไล่กล้องวงจรปิดเพื่อจะสามารถจับตัวคนร้ายได้พร้อมฝากเตือนผู้ประกอบการร้านทอง ประตูกั้นเพื่อป้องกันการก่อเหตุซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการย้ำเตือนอยู่ตลอดเวลา
สอบถามน้องฟรอย ( เบลอหน้า ) พลเมืองดีที่บันทึกภาพไว้ได้ เล่าให้ฟังว่าตอนนั้นตนเองยืนอยู่หน้าร้านจากนั้นเห็นชายคนร้ายมายืนอยู่บริเวณหน้าร้านทองสักพักหนึ่งจากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นดังปังแต่ทีแรกไม่คิดว่าเป็นปืนวินาทีนั้นตกใจมากก็เห็นว่าคนร้ายกำลังปีนขึ้นไปและทุกข์ที่บริเวณตู้โชว์ทองตนเองจึงหลบอยู่หลังเคาน์เตอร์และยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายซึ่งคนร้ายใช้เวลาต่อเขตเพียงไม่นานก็สามารถได้ทองไปจำนวนมาก
ขณะที่ แม่ค้าหน้าห้าง ( เบลอหน้า )เปิดเผยว่า คนร้ายจอดรถไว้ที่บริเวณประตูทางเข้าใกล้ร้านที่ตนเองอยู่ จังหวะคนร้ายออกมาเจอตนเอง คนร้ายหยิบปืนแกว่งปืนมาทางตนเอง จากนั้นก็เดินมาหน้าประตูพร้อมกับวางระเบิดไว้ข้างร้าน ลักษณะคล้ายท่อพีวีซีพันด้วยเทปดำ มีนาฬิกาดิจิตอล ติดอยู่ โดยไม่พูดอะไรแล้วรีบขึ้นจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หลบหนีไปทันที
ด้าน พนักงานชาย ( เบลอหน้า ) พอเห็นคนร้ายวางระเบิดหน้าประตู ตนเองรีบหยิบวิ่งไปที่บริเวณป่าข้างห้าง โดยโยนทิ้งทันที สังเกตเห็นว่านาฬิกาดิจิตอลตั้งเวลาไว้ เหลือประมาณ 3 นาที ตนจึงรีบหยิบแล้ววิ่งไปข้างห้างปาทิ้งเข้าป่าแล้วรีบวิ่งหนีแต่ก็ไม่มีการเกิดระเบิดขึ้น คาดว่าคนร้ายทำทีวางระเบิดขู่เพื่อไม่ให้คนติดตามไปขณะหลบหนี
กล้องวงจรปิดยังบันทึกภาพได้พฤติกรรมของคนร้าย อีกมุมหนึ่งประตูทางเข้าคนร้ายได้เดินถือปืนเข้าไปภายในห้างเลย แล้วเดินปี่เข้าไปที่ร้านทองใช้อาวุธปืนยิง เข้าไปในตู้ 1 นัดจากนั้นเข้าไปกวาดทรัพย์สินทองรูปพรรณ หลังจากนั้นใช้เวลาไม่นานถือปืนวิ่งออกมา แล้วไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ด้านหน้าหลบหนี
Discussion about this post