
จากกรณี นายเนตรวิสิฐ พิสิฐธนรัตน์ อายุ 54 ปี นักธุรกิจอสังหาริม ทรัพย์ ได้เข้าแจ้งความ จับคนร้ายที่สภ.มาบตาพุด ระยอง กรณีที่คนร้ายเข้าไปขโมยทรัพย์สิน ภาย ในโครงการ ก่อสร้างอาคาร5ชั้น ริมถ.363 ใกล้สี่แยกเนินสำลี ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง โดยมีทรัพย์สินที่ถูกขโมยไป ประ กอบด้วย ลิฟท์2ตัว แอร์คอนนิชั่น กล้องวงจรปิด กระจก และ สายไฟฟ้า มูลค่ากว่าสองล้านบาท ขณะเข้าตรวจสอบอาคาร พบ คนร้ายกำลังงัดมอเตอร์ของลิฟท์ จึงแจ้งตำรวจมาจับกุม ทราบชื่อนายสมชาย อายุ 45 ปี อ้างเหตุทะเลาะกับเมียเข้ามาเก็บของเก่า ตร.จึงคุมตัววอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป ตามที่เสนอข่าว
เกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 5 พ.ย.65 พ.ต.อ.ภาสกร ไพจิตย์ ผกก.สภ.มาบตาพุด ระยอง ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พีระวัฒน์ วงศ์ทอง รองผกก.สส.สภ.มาบ
ตาพุด ร.ต.อ.นิธินันท์ ศรีรุต ร้อยเวรเจ้าของคดี ควบคุมตัว ผู้ต้อง หาที่ก่อเหตุขโมยทรัพย์สินภายในอาคาร5ชั้น ขณะนี้สามารถจับกุมคนร้ายได้แล้วทั้งหมด 3 ราย ไปทำแผนประกอบการรับสารภาพ ในอาคารพานิชย์ 5 ชั้น ริมถ.363 ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง ที่ถูกขโมยลิฟท์หายไป 2 ตัว พร้อมกับทรัพย์สินอื่นรวมมูลค่ากว่า2ล้านบาท
พ.ต.ท.พีระพัฒน์ ได้กล่าวว่า หลังจากที่จับกุมตัว นายสมชาย บิลหะยีอาระซัน อายุ 48 ปี ที่กำลังก่อเหตุลักทรัพย์ภายในอาคารเกิดเหตุ จึงควบคุมตัวมาทำการสอบ สวน จนให้การรับสารภาพว่า เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตน เองได้มาเดินหาเศษเหล็กรอบอาคารดังกล่าว จนกระทั่งได้เข้า ไปภายในอาคารซึ่งไม่มีคนเฝ้า แล้วได้พบกับกุญแจลิฟท์ จึงไขเข้าไปภายในลิฟท์ โดยต่อมามี นายเฉลิมวงศ์ วัชวงศ์ อายุ 38 ปี และ นายขุนพล ถือคุณ อายุ 38 ปี เข้ามาช่วยกันรื้อถอดลิฟท์ออกเป็นชิ้นส่วน หลังจากนั้นก็ใช้เลื่อยตัดเป็นชิ้นแล้วนำไปขายที่ร้านของเก่า แล้วนำเงินมาแบ่งกัน โดยใช้เวลาในการเข้าไปชำแหละลิฟท์ประมาณ 5 วัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมตัว ผู้ต้องหาที่ถูกซัดทอดทั้งสองคนมาได้ โดยทั้งสองคน ให้การรับสารภาพตรงกันว่า ได้ร่วมกันขโมยลิฟท์และทรัพย์สินอื่น โดยช่วยกันชำแหละแล้วนำใส่รถจยย. ไปขายที่ร้านขายของเก่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ต.มาบตาพุด จ.ระยอง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง3คน ไปทำแผนประกอบการรับสารภาพ ที่อาคารเกิดเหตุ โดยมีนายเนตรพิสิฐ พิสิฐธนรัตน์ เจ้าของโครงการ มาร่วมสังเกตุการณ์ด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาผู้ต้องหาที้งหมดไปชี้ยังจุดช่องลิฟท์ และ พื้นที่ที่เข้าขโมยของ โดยนายเนตรวิสิฐ ได้ติดตามการทำแผนอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งมาถึงจุดช่องลิฟท์ด้านข้างที่ถูกขโมยไป นายเนตรพิสิฐถึงกับห้ามอารมณ์ไม่อยู่ ใช้ขาเตะไปที่ลำตัวของหนึ่งในผู้ต้องหา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาห้าม หลังจากที่ใช้เวลาทำแผนประ มาณ 1 ชม.จึงควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
พ.ต.ท.พีระพัฒน์ ได้กล่าวว่า จากการสอบผู้ต้องหาทั้ง3ราย และ พยานหลักฐาน เชื่อว่าผู้ก่อเหตุมีเพียง3คน โดยใช้เวลาหลายวันในการก่อเหตุทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะได้มีการไปตรวจสอบที่ร้านขายของเก่าที่ทั้งสามคนขนเอาเศษชิ้นส่วนลิฟท์ที่ชำแหละไปขาย เจ้าของร้านก็ยืนยันว่า ทั้งสามคนเอาเศษเหล็กมาขายจำนวนมาก แต่เศษชิ้นส่วนลิฟท์ที่ซื้อมาได้นำไปส่งขายโรงหลอมหมดแล้ว จึงควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน ส่วนเจ้าของร้านของเก่ากันไว้เป็นพยาน โดยไม่ได้แจ้งข้อหา เพราะเป็นการชิ้นส่วนที่ชำแหละแล้วไปขาย จึงไม่นับว่าเป็นการรับซื้อของโจร
ด้านนายเนตรวิสิฐ เจ้าของอาคาร ได้กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 3 คน และ ต้องมีการใช้ยานพาหนะเข้าขนลิฟท์ออกไป มีร่องรอยล้อรถบรรทุกอยู่รอบอาคาร เพราะลิฟท์1ตัว มีน้ำหนักกว่า1ตัน และ เหล็กที่ใช้ทำลิฟท์มีความหนามาก เลื่อยตัดเหล็กทั่วไปไม่วามารถตัดได้ จึงเชื่อว่าจะมัการยกไปขายทั้งตัว เพราะลิฟท์เป็นของใหม่แกะกล่อง สามารถนำไปติดตั้งใช้งานได้เลย จึงต้องการให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติม เพราะเชื่อว่าคนร้ายต้องมีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี และ รู้เวลาที่คนไม่อยู่ จึงลงมือ สำหรับอาคารแห่งนี้ ได้หยุดก่อสร้างไปตั้งแต่สถานการณ์โควิดระบาด แต่ตนเองก็จับรถมาดูทุกวัน จนช่วงเกิดเหตตนเองเดินทางไปทอดกฐิน หลายวัน พอกลับมาเข้าไปตรวจสอบพบว่าลิฟท์และทรัพย์สินอื่นหายไปหมดแล้ว.
Discussion about this post