“ยุทธพล” ปลื้ม! แม่เต่าลูกดก “ศรีสุดา” ขึ้นวางไข่บนเกาะทะลุ 170 ฟอง

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 65 นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่าได้รับรายงานจาก นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ขณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) จ.ประจวบฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม ขณะเดินลาดตระเวนบนพื้นที่เกาะทะลุ ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรี ขันธ์ เมื่อคืนที่ผ่านมา พบเต่ากระขนาดใหญ่ “แม่ศรีสุดา” ขนาดลำตัวกว้าง 75 เซนติเมตร ยาว 82 เซนติเมตร ที่ทางอุทยานฯตั้งชื่อให้ และมีการติดตั้งไมโครชิพ หมายเลข 933.076400530527 เป็นแม่เต่าจากธรรมชาติ ขึ้นวางไข่ 1 รัง ขนาดของหลุมกว้าง 21 เซนติเมตร ลึก 40 เซนติเมตร จำนวนไข่ที่พบทั้งหมด 170 ฟอง บริเวณอ่าวในหุบของเกาะทะลุ พิกัด 47 P 560221E 1223856N อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม ซึ่งนับเป็นรังที่ 4 ของปี ก่อนเจ้าหน้าที่ทำการเคลื่อนย้ายรังไปยังบ่ออนุบาลของมูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยามเพื่อป้องกันภัยคุกคามทางธรรมชาติ เนื่องจากหลุมไข่เต่าตั้งอยู่บริเวณที่น้ำทะเลท่วมถึง พิกัด 47 P 560507E 1224044N โดยมีมูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยามเป็นผู้ดูแลในการอนุบาลฯเพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป

นายยุทธพล กล่าวว่า อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เป็นหนึ่งในพื้นที่อุทยานทางทะเล ที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.ให้ความสำคัญ การพบเต่าขึ้นวางไข่ในพื้นที่เป็นครั้งที่ 4 ของปี ถือเป็นสัญญาณอันดี และผลสะท้อนการทำงานด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่งตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา หลังจากนี้คาดว่าจะมีเต่าขึ้นวางไข่อีก จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังและเก็บข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับแม่เต่ากระ “ศรีสุดา” ครองแชมป์แม่เต่าลูกดกแห่งทะเลประจวบคีรีขันธ์ หลังพบ 6 เดือน ตั้งแต่ ก.ย.63 – ก.พ.64 ขึ้นทำรัง 5 ครั้งในเขตอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม รวมไข่ 792 ฟอง แต่ฟักเป็นตัว 558 ตัว รวมแล้วมีลูกเต่าลงสู่ท้องทะเลจำนวนมาก สำหรับ “เต่ากระ” ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Eretmochelys imbricata (Linnaeus,1766) เป็นสัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธุ์สถานภาพเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พรบ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และจัดอยู่ใน Appendix 1 ของอนุสัญญาไซเตส (CITES) ด้วย.