ราชบุรี – ผบก.ภ.7 แถลงรวบลูกหลานนักการเมืองท้องถิ่น ยิงถล่มคู่กรณีดับ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 พ.ย.65 ที่หน้าทำการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี อ.เมืองราชบุรี พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.7 พร้อม พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี และ พ.ต.อ.ธานินทร์ ฉัตรเจริญพร รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี และ รรท.ผกก.สภ.เมืองราชบุรี และจนท.ชุดสืบสวนและจนท.ชุดจับกุม ได้ร่วมแถลงข่าว การจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยใช้อาวุธปืน

โดยเหตุเกิดคืนวันที่ 23 พ.ย.65 และติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 2 ราย คือ นายอนุเชษฐ์ หรือ เจ อายุ 30 ปี มือยิง และ นายวรุตม์ หรือ เอิร์ท อายุ 30 ปี คนขับรถ พร้อมของกลาง ของกลางในคดี อาวุธปืนพกสั้นแบบกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อบราวนิ่งสีเงิน ทะเบียนกทม. ขนาด 9 มม. พร้อมซองบรรจุกระสุนปืน และรถยนต์ ยี่ห้อ ฟอร์ดเอเวอเรสต์ สีดำ ทะเบียนราชบุรี

ทั้งนี้เมื่อเวลา 01.30 น. ของวันที่ 23 พ.ย.65 ศูนย์วิทยุสภ.เมืองราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากรพ.กรุงเทพเมืองราช ว่ามีคนถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสมารักษาตัวในรพ.และเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.ธานินทร์ ฉัตรเจริญพร รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี และ รรท.ผกก.สภ.เมืองราชบุรี พร้อมจนท.ตำรวจชุดสอบสวนสภ.เมืองราชบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบที่รพ. พบผู้เสียชีวิตถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าบริเวณเบ้าตาซ้ายจำนวน 1 นัด ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นายสมหมาย (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ชาว ต.น้ำพุ อ.เมือง

นอกจากนี้ยังพบ นายทินกร (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ชาว ต.ดอนไผ่ และ นายจรูญ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนผู้เสียชีวิตยื่นรอให้การกับทางจนท.ตำรวจ โดยให้ข้อมูลว่า นายทินกร เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ ดีแมก สีบอร์นเงิน ทะเบียนราชบุรี ส่วน นายสมหมาย ผู้เสียชีวิตได้นั่งคู่คนขับ และ นายจรูญ นั่งซ้ายในแค๊ปหลัง ช่วงก่อนเกิดเหตุได้เดินทางมาจาก ต.น้ำพุ เพื่อที่จะกลับบ้านที่อ.ดำเนินสะดวก โดยใช้เส้นทางตามถนนสายราชบุรี-ดำเนินสะดวก

จนเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณ สะพานรางกระดี่ ม.3 ต.โคกหม้อ อ.เมืองราชบุรี ตนได้ขับรถแซงรถยนต์สีดำ ทะเบียน 111 จำหมวดอักษรไม่ได้ ทันใดนั้นได้มีคนในรถยนต์ดังกล่าว ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถของตนจำนวนหลายนัด แล้วขับหลบหนีไป เป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับบาคเจ็บ ตนจึงรีบขับรถพาผู้ตายมาที่รพ. และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่ง นายทินกร ไม่รู้จักรถคู่กรณี และไม่เคยมีเรื่องกับใคร คาคว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการขับรถแซงรถคู่กรณี

ต่อมา พ.ต.อ.ธานินทร์ พร้อมจนท.พิสูจน์หลักฐานจ.ราชบุรี ได้ตรวจสอบรถยนต์กระบะของ นายทินกร พบร่องรอยถูกอาวุธปืนยิงเข้าบริเวณกระจกหน้าจนเป็นรู 2 นัด โดยกระสุนปืนได้ทะลุประตูนั่งซ้ายหนึ่งนัด และยังตรวจพบหัวกระสุนปืนขนาด 9 มม. 1 นัด จากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องงวจรปิดตามเส้นทางที่เกิดเหตุ จนพบรถยนต์ ยี่ห้อ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สีดำ ทะเบียน 111 ราชบุรี ซึ่งเป็นรถต้องสงสัย โดยจากการตรวจสอบพบ นายอนุเชษฐ์ เป็นมือยิง ส่วนนายนายวรุตม์ เป็นผู้ขับรถ จึงขออนุญาติออกหมายจับจาก ศาลจ.ราชบุรี และติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ที่บ้านพักในพื้นที่ ม.4 ต.บ้านไร่ อ.ดำเนินสะดวก

ก่อนนำตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองคน พร้อมอาวุธปืนและรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ มาสอบสวนที่ สภ.เมืองราชบุรี โดยผู้ก่อเหตุให้การว่า กลุ่มผู้ตายได้ขับรถตามเหมือนจะมาปล้นทรัพย์ และกลุ่มผู้ตายได้ใช้อาวุธปืนยิงมาใส่รถยนต์ของตนก่อน จึงใช้ช่วงจังหวะกลุ่มผู้ตายขับรถแซง ใช้อาวุธปืนที่ติดตัวมายิงใส่รถกลุ่มผู้ตาย ก่อนจะขับรถหลบหนีไปที่บ้านพัก แต่ทางจนท.ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบร่องรอยวิถีกระสุนปืนถูกยิงมาจากภายในรถของผู้ก่อเหตุ และจากการสอบสวนผู้ก่อเหตุเป็นลูกหลานนักการเมืองท้องถิ่น และมีประวัติก่อเหตุยิงอาวุธปืน ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีไว้เพื่อเก็บ บริเวณข้างร้านสะดวกซื้อ ม.4 ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ เมื่อปี 57

และเคยถูกคดีครอบครองอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งมีใบอนุญาต บริเวณแยกพิกุลอง ม.3 ต.โคกหม้อ อ.เมืองราชบุรี เมื่อปี 62 จนท.ตำรวจ จึงควบตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีในข้อกล่าวหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุผลอันควร

ด้าน พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.7 กล่าวว่า ตามนโยบายสนง ตำรวจแห่งชาติ ให้เร่งปราบปรามคดีอาชญากรรมเกี่ยวกับอาวุธปืน ในช่วงการแข่งขันบอลโลก ซึ่งพอเกิดเหตุยิงกันในพื้นที่ภูธรภาค 7 จนท.ตำรวจสภ.เมืองราชบุรี และจนท.ชุดสืบสวน จึงเร่งคลี่คลายคดีและติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็วไม่เกิน 24 ชม. ถึงแม้ผู้ก่อเหตุจะมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองท้องถิ่น ต้องขอให้มั่นใจในการทำงานของจนท.ตำรวจ เพราะเราจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ผิดว่าไปตาม

ซึ่งเป็นนโยบายของตำรวจภูธรภาค 7 อยู่แล้ว ที่จะกวาดล้างอาชญากรรมให้หมดในพื้นที่ ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุ ต้องขอเวลาสอบสวนอย่างละเอียดก่อน ซึ่งมีประเด็นทั้งเรื่องชู้สาว เหตุซึ่งหน้า หรือจะเป็นการเมือง ทางจนท.ตำรวจจะไม่ทิ้งประเด็นไหน