ช่วงระหว่างวันที่ 29 – 30 พฤศจิกายน 2565 เวลา นายทิฆัมพร ยะลา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยฝ่ายสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะ ลงพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริงกรณี นายธเนศ ตาชม ได้ร้องเรียนและกล่าวอ้างว่าผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ไม่ดำเนินการออกประกาศของจังหวัดให้เปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย – ลาว บ้านน้ำปี้ หมู่ที่ 5 ต.น้ำมวบ อ.เวียงสา จ.น่าน ตามมติคณะอนุกรรมการพิจารณาการเปิดจุดผ่อนปรน และหนังสือของกระทรวงมหาดไทยที่ให้จังหวัดน่านดำเนินการ เมื่อปี 2556 ส่งผลให้ผู้ร้องเรียนและชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน โดยมีนายกฤชเพชร เพชระบูรณิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วย นายนพพร เรืองสุวรรณ นายอำเภอเวียงสา นายสุนทร มหาวงศนันท์ อดีตนายอำเภอเวียงสา นายสกล เนตรใสวรกุล นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดน่าน ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอเวียสา พร้อมด้วย นายเกษตร ปะทิ สาธารณสุขอำเภอเวียงสา , นายธันวา ม่วงทอง หน.อุทยานแห่งชาติแม่จริม , นายอำพล เวียงทอง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน , นายสุรศักดิ์ เกียรติภัทราภรณ์ ผช.หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีน่าน , นายเนียร นันตา นายก อบต.น้ำมวบ , นายปรีชา สมบัติแก้ว กำนันตำบลอ่ายนาลัย , นายสมัคร วังมงคล กำนันตำบลส้านนาหนองใหม่ , นายชาญนรินทร์ ลาพิยะ นายกอบต.แม่ขะนิง , นายสมหวังใจหมั่น นายกอบต.อ่ายนาลัย ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น อำเภอเวียงสา , ร.ต.อ.จักรพงศ์ อินต๊ะนิน รองผบ.ร้อย ตชด.324 พี่น้องประชน อสม.ตำบลน้ำมวบ , ตำบลนาส้านนาหนองใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงและรายงานผลการดำเนินงาน ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำมวบ อ.เวียงสา จ.น่าน โดยฝ่ายผู้ร้องเรียน ซึ่งประกอบด้วย นายธเนศ ตาชม ทนายความ พร้อมด้วย นายสุนทร มหาวงศนันท์ อดีตนายอำเภอเวียงสา ตัวแทนผู้ประกอบการและชาวบ้าน ได้ชี้แจงถึงความต้องการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านน้ำปี้และขอเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ซึ่งเป็นหมู่บ้านแนวชายแดนติดกับ บ้านแค่น เมืองทุ่งมีไช แขวงไซยะบุลี สปป.ลาว โดยขอให้มีการเปิดจุดผ่อนปรน ทุกวันเสาร์ เวลา 08.00 -16.00 น. เพื่อให้ชาวบ้านและชาวลาว ได้ซื้อขายสินค้าท้องถิ่น สินค้าอุปโภคบริโภค เกิดเป็นเศรษฐกิจการค้า รวมทั้งยังพัฒนาให้เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวของอำเภอเวียงสาไปสู่ สปป.ลาว แต่ผ่านมาแล้ว 10 ปี จังหวัดน่าน ยังไม่ออกประกาศเพื่อเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านน้ำปี้ ซึ่งถือเป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหาย
ทางด้าน นายอาภรณ์ นิลศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้รายงานข้อเท็จจริงและผลการดำเนินการที่ผ่านมาตลอด 10 ปี ได้มีการประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนบ้านน้ำปี้ โดยองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำมวบ ได้ขอใช้พื้นที่ป่า จำนวน 379 ไร่ และขอผ่อนผันปรับปรุงผิวเส้นทางระยะ 17 กิโลเมตร แต่ด้วยเส้นทางและจุดผ่อนปรนบ้านน้ำปี้ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน และ อุทยานแห่งชาติแม่จริม และสภาพพื้นที่เป็นลุ่มน้ำคุณภาพชั้น 1A ที่ยังคงมีสภาพป่าสมบูรณ์ และเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทำให้มีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบทั้งเรื่องแนวเขตและด้านความมั่นคง โดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 13 (แพร่) แจ้งให้ อบต.น้ำมวบ ต้องปฏิบัติตามมติ ครม. โดยห้ามตัดถนนใหม่ ไม่ให้มีการขยายเส้นทางสัญจรขึ้นใหม่ แต่ให้ปรับปรุงผิวถนนแทนซึ่งต้องประสานกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ และต้องจัดทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และให้ดำเนินการขอผ่อนผันการขอใช้พื้นที่ป่า ไปยังกรมอุทยานแห่งชาติฯตามลำดับขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งทาง อบต.น้ำมวบ ยังไม่สามารถดำเนินการตามมติที่ประชุมของจังหวัดน่านได้ จึงยังไม่สามารถออกประกาศเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านน้ำปี้
หลังจากการรับฟังข้อเท็จจริงแล้ว รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมคณะทั้งหมด และสื่อมวลชนได้เข้าพื้นที่จริง เพื่อตรวจสอบข้อมูล ระยะทาง 17 กิโลเมตร จากจุดแนวชายแดนแนวสันเขาเส้นยางแบ่ง ฝั่งไทย-ลาว จนถึงหมู่บ้านน้ำปี้ หมู่ที่ 5 ที่ขอเปิดจุดผ่อนปรนการค้า ซึ่งตลอดเส้นทางพบว่า พื้นที่กันนอกเขตป่าอนุรักษ์ติดหมู่บ้าน มีชาวบ้านทำพื้นที่การเกษตร ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลังและ ยางพารา แต่พื้นที่ป่าชั้นในจนถึงแนวชายแดน มีสภาพป่าไม้สมบูรณ์ มีไม้ขนาดใหญ่ และลำห้วยมากถึง 40 แห่ง ซึ่งหากมีการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าที่บ้านน้ำปี้ ระยะทางจากแนวชายแดนเข้ามาถึงตัวด่าน มีความจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงด้านความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่องการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า การลักลอบแรงงานเถื่อน สิ่งของผิดกฎหมาย ยาเสพติดและอาชญากรรม ที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอเวียงสาและจังหวัดน่าน
นายธเนศ ตาชม ทนายความ กล่าวว่า ในการพิจาณาเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านน้ำปี้ ขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องทั้งชาวไทยและสปป.ลาว ให้มีช่องทางสะดวกในการติดต่อการค้า-ขาย การท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ที่ผ่านมารุ่นปู่ย่า ตายาย รุ่นพ่อ รุ่นแม่ก็ได้ไปมาหาสู่กันมีอะไรก็แบ่งปันแลกเปลี่ยนกัน เหมือนญาติพี่น้อง ในพื้นที่บ้านน้ำปี้ กับเมืองทุ่งมีไชย สปป.ลาว เส้นทางดังกล่าวพี่น้องตำบลน้ำมวบ ตำบลนาส้านนาหนองใหม่ ที่ใช้ขนพืชผลทางการเกษตรและเป็นจุดค้าขายกันระหว่างสองประเทศ ที่ผ่านมาสายเหนือ สายไต้มีจุดท่องเที่ยวแต่ทำไมจุดผ่อนปรนบ้านน้ำปี้ ทำไมเปิดไม่ได้ตนจึงขอวิงวรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยปลดล็อกและเปิดจุดผ่อนปรนให้ด้วยเพื่อที่ชาวบ้านจะได้มีที่ค้าขายกัน
ทางด้านนายทิฆัมพร ยะลา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า จากการรับฟังข้อเท็จจริงและการตรวจสอบสภาพพื้นที่ จะได้รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อประมวลผลให้รอบด้านเพื่อสรุปผลและนำเสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้มีคำวินิจฉัยต่อไป
@@@@@@@@@@@
ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น จ.น่าน
Discussion about this post