จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.65 เวลาประมาณ 17.00 น. ได้มีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามรถโดยสารประจำทาง อีกทั้งยังได้ไล่ขว้างปาสิ่งของใส่รถโดยสารสายฉะเชิงเทรา-หนองแหน เป็นเหตุให้รถโดยสารประจำทางคันดังกล่าวได้รับความเสียหายบริเวณถนนสายฉะเชิงเทรา- พนมสารคาม ต.บางตีนเป็ด อ.เมืองฉะเชิงเทรา แล้วหลบหนีไปทาง อ.บางคล้า
โดยเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 ธ.ค.65 ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พล.ต.ต. นเรวิช สุคนธวิท ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงศ์พัชร์ แจ้งหมื่นไวย์ ผกก.สืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.พิทูรย์ พัฒนชัย ผกก.สภ. เมืองฉะเชิงเทรา พ.ต.ท.อธิษฐ์ พิษฐ์กุล รอง ผกก.สืบสวน ได้ร่วมกันแถลงข่าว นัดกลุ่มเยาวชนที่ร่วมกันก่อเหตุ จำนวน 20 คน พร้อมด้วยผู้ปกครองและคณะอาจารย์ประจำฝ่ายปกครองของสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องมาประชุมเพื่อร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและปลูกฝั่งจิตสำนึกของการอยู่ร่วมกันในสังคมเพื่อลดปัญหาเด็กอาชีวะก่อเหตุทะเลาะวิวาทในพื้นที่ให้หมดไป จากเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นขี่รถ จยย.ก่อเหตุกว้างปาสิ่งของเข้าใส่รถโดยสารสาย ฉะเชิงเทรา -หนองแหน จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.พงศ์พัชร์ แจ้งหมื่นไวย์ ผกก.สืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา และ พ.ต.อ.พิทูรย์ พัฒนชัย ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา สนธิกำลังร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มเยาวชนที่ร่วมกันก่อเหตุมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎ หมายโดยเด็ดขาดเนื่องจากการกระทำดังกล่าวของกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นเป็นการกระทำโดยอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ของของประชาชนเป็นอย่างมากกระทั่งสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบตัวผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนอายุระหว่าง 15 – 16 ปี ของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง จำนวน 20 คน ใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 9 คัน เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ
โดยตำราจนำเยาวชนผู้ก่อเหตุทั้งหมด 20 คน มาทำการสอบสวนซึ่งได้ให้การรับสารภาพ สาเหตุและแรงจูงใจ ของเยาวชนผู้ก่อเหตุนั้น สืบเนื่องจากได้ถูกกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีที่อยู่บนรถประจำทางยั่วยุ โดยใช้คำพูดหยาบคายและขว้างปาสิ่ง ของใส่ก่อน จึงทำให้เยาวชนผู้ก่อเหตุได้กระทำการดังกล่าว จึงได้ดำเนินคดีกลุ่มเยาว ชนทั้งหมดตามขั้นตอนของกฎ หมาย 1.ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 และ 2.กระทำโดยประการอื่นใดให้เสียความสงบเรียบร้อยในทางสาธารณะหรือสาธารณสถาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 372 3.ขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (8) ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกและเปรียบเทียบปรับ นำตัวฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมทั้งได้มีการทำทัณฑ์บนผู้ปกครองให้ควบ คุมดูแล อบรมสั่งสอนและตักเตือนบุตรหลานในความปกครองหากมีการฝ่าฝืนเงื่อนไขที่กำหนดจะมีการดำเนินการกับผู้ปกครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26(3) ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน ปรับไม่เกินสามหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับต่อไป.
Discussion about this post