เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 8 ธันวาคม 2565 ร.ต.อ.วิจิตร หาญชุยชาย รองสารวัตรสอบสวน สภ.ไชยวาน จ.อุดรธานี รับแจ้งพบศพถูกเผาที่กระท่อมนา ท้ายหมู่บ้านวังงามพัฒนา ม.8 ต.คำเลาะ อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี จึงได้รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุรบดินทร์ วงค์รินทอง สว.สส.สภ.ไชยวาน แพทย์เวร รพ.ไชยวาน ตำรวจพิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดอุดร ธานี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี จุดบริหารหนองหาน
ที่เกิดเหตุพบศพนายภูเยี่ยม จันสมรสุข อายุ 45 ปี ไม่ทราบที่อยู่ ถูกไฟเผาไหม้เกือบทั้งตัวเหลือช่วงขา อยู่บนเก้าอี้ไม้ยาวหน้ากระท่อมนา จากการตรวจสอบพบเสื่อ เสื้อผ้าและสายเบลท์รัดของ คาดว่าจะใช้ห่อรัดศพก่อนที่จะนำมาเผา ผู้ตายมีร่อยรอยถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณใบ หน้า ใกล้ศพพบรองเท้าบูท 1 คู่ และตรวจค้นในกระท่อมพบมีดยาว 2 เล่ม ปืนแก๊ป 1 กระ บอก เบื้องต้นได้ส่งศพไปผ่าตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยมีนายโจ (นามสมมุติ) อายุ 52 ปี และนางสาวปรียา ดีจันทร์เหนือ หรือน้อย อายุ 56 ปี ป้าและลุงผู้ตายอยู่ในที่เกิดเหตุตำรวจชุดสืบสวนได้นำตัวทั้ง 2 มาสอบปากคำที่โรงพัก
นายสะไกร ฤทธิจรจาก กำนัน ต.คำเลาะหมู่ที่8 เล่าว่า ตนได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่า มีเหตุไฟไหม้ที่กระท่อมนา จึงได้ออกมาตรวจสอบพร้อมชาวบ้าน เมื่อมาถึงพบว่ามีกองไฟลุกไหม้อยู่หน้ากระ ท่อมนา จึงจะเข้าไปดับไฟ แล้วพบว่าเป็นร่างของคนจึงใช้น้ำดับ จึงได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ ซึ่งผู้ตายคือนายภูเยี่ยม อยู่หมู่ที่ 1 ต.คำเลาะ ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่ไร่ที่นาของผู้ตาย ซึ่งอาศัยอยู่กับแม่และป้าในหมู่บ้าน โดยที่นาใกล้ๆ กันซึ่งเป็นของป้าผู้ตาย มีนายโจ อดีตลุงเขย มาอยู่อาศัย ส่วนสาเหตุนั้นตนยังไม่ทราบต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ส่วนนายภูเยี่ยม ผู้ตายเป็นคนขยันหาอยู่หากิน เป็นคนนิสัยดี จะพักอาศัยในหมู่บ้าน และจะออกมาทำไร่ทำนา ส่วนเรื่องอื่นนั้นตนก็ไม่ทราบ ส่วนนายโจและนางน้อย ตำรวจนำตัวไปโรงพักแล้ว
โดยทางตำรวจชุดสืบสวนได้นำตัวนายโจ และนางสาวปรียา แยกสอบปากคำ เพื่อหาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทั้ง 2 ยังให้การปฏิเสธ จากนั้นทางตำรวจเค้นสอบอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง จนนางสาวปรียา ยอมเปิดปากว่า ตนกับอดีตสามีทะเลาะกันจะเอาปืนขึ้นมาขู่แล้วยกปืนขึ้นจึงลั่นถูกหลานเสียชีวิต แล้วทำการเผานายภูเยี่ยม ทางตำรวจจึงได้นำตัวไปค้นหาปืนของกลาง ซึ่งนางสาวปรียา ได้นำปืนไปฝังไว้หลังกระ ท่อมนา ส่วนกระสุนโยนทิ้งในป่ายาง พบว่าเป็นปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1กระบอกพร้อมลูกกระสุน 1 นัด
นางสาวปรียา บอกว่า ตนกับนายนายโจ เป็นสามีภรรยากัน แต่ได้เลิกกันไปได้1ปีแล้ว แต่อดีตสามีได้ยังเช่าที่นาของตนปลูกข้าว โดยช่วงเกิดเหตุนั้นตนได้มาทวงข้าว ซึ่งเป็นค่าเช่านากับนายโจ ที่กระท่อมของหลานชาย จากนั้นจึงได้มีปากเสียงถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกายตนจึงได้ชักปืนขึ้นมาขู่ แล้วนายโจ ได้เข้าแย่งปืนตน และปืนลั่นถูกนายภูเยี่ยม ล้มลง ส่วนนายโจวิ่งหนี ตนกลัวความผิดจึงได้นำเสื่อ เสื้อผ้ามาห่อศพหลานแล้วจุดไฟเผา จากนั้นได้นำปืนไปขุดหลุมฝังไว้ด้านหลังกระท่อม แล้วได้แจ้งกำนันว่าไฟไหม้
นางสาวปรียา บอกอีกว่า ปืนกระบอกนี้ตนซื้อมาในราคา 500 บาท ตนซื้อมานานแล้วเพื่อป้องกันตัว เพราะนายโจทำร้ายร่างกายตน จนต้องได้เลิกกันได้1 ปี แต่ก็ยังให้เช่าที่นาทำกิน แล้วตนก็จะมาแบ่งเอาข้าวเพื่อเป็นค่าเช่านา แต่นายโจ ไม่ยอมให้จึงทะเลาะและตนถูกทำร้ายร่าง กายจึงได้เกิดเหตุการณ์ปืนลั่นขึ้นดังกล่าว
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายโจ อดีตสามี อ้างว่าตนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนนางสาวปรียา ยังให้ การภาคเสธ เนื่องจากอ้างว่ามีการแย่งปืนกันแล้วปืนลั่น โดยแจ้งข้อหา กับนางสาวปรียา ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นตาย และเผาอำพรางศพ พร้อม ตรวจคาดเขม่าปืน เพื่อรวบ รวมหลักฐานดำเนินการตามขึ้นของกฎหมายต่อไป.
Discussion about this post